“เพื่อไทย” ชี้ “ประยุทธ์” อยู่ต่อ ทุจริตจะยิ่งพุ่งสูง”
นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.เลย กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
ประวัติศาสตร์มีไว้ให้จดจำ ไม่ได้มีไว้ให้เดินซ้ำ พล.อ ประยุทธ์ กาลังจะเดินซ้ำรอยประวัติศาสตร์ จากที่เคยเป็นคนกลาง อ้างว่า เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะทำเพื่อชาติ หรือจะเป็นตัวปัญหาซะเอง
เรียนท่านสื่อมวลชนที่รักทุกท่านครับการแถลงข่าวของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยในรอบสัปดาห์นี้ตรงกับวันนัดสำคัญที่สุดวันหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้จะครบระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมามีการถกเถียงในสังคมโดยเฉพาะประเด็นในเรื่องข้อกฎหมายและ เจตนารมย์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะความหมายและคำอธิบายประกอบมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่มีความว่าการกำหนดระยะเวลา 8 ปีไว้เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวเกินไป อันจะเป็นต้นเหตุเกิดวิกฤตทางการเมืองได้
บัดนี้กำลังจะครบ 8 ปีในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และไม่ว่าจะตีความในรัฐธรรมนูญเรื่องของการเริ่มนับระยะเวลา 8 ปีเมื่อใด
พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำของประเทศควรต้องเสียสละโดยการลาออกจากตำแหน่งเพื่อรักษาไว้ซึ่งจริยธรรม ทางการเมือง สปิริตทางการเมือง ในอันที่จะป้องกันวิกฤตทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นจากความไม่พอใจของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และความพยายามในการสืบทอดอำนาจ เพื่อปกป้องปิดบังความผิดพลาดจากการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะในด้านความตกต่ำของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตรั้งท้ายในอาเซียน และในประเด็นเรื่องทุจริตที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เปิดประเด็นไว้ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา
ประการแรกในเรื่องความตกต่ำของเศรษฐกิจ ผลการสำรวจของ Japan Center For Economic Research พบว่า ภายใต้ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจทั้งโควิด สงครามรัสเซีย ยูเครน รวมถึงเงินเฟ้อที่สูงเช่นเดียวกันทั้งภูมิภาค แต่เศรษฐกิจไทย ภายใต้การนำของพล.อ ประยุทธ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้นำพาเศรษฐกิจไทยดิ่งเหว การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาศแรก ขยายตัวต่ำสุดใน 5 ชาติของอาเซียน โดยเติบโตเพียง 3.1 % พี่น้องชาวไทยจะหวังพึ่งรัฐบาลที่ไม่กล้าตัดสินใจ คัดคนเก่งมาทำงาน ทำเพียงเพื่อหวังอยู่ในอำนาจต่อ
ประการต่อมาจากการที่กระผมได้อภิปรายเพื่อปกป้องการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของชาตินั่นคือเรื่องการต่อสัญญาซื้อ น้ำประปา 20 ปี ที่กระผมได้กล่าวหาท่านนายกรัฐมนตรี และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในข้อหา ปล่อยปะละเลย และละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเพียงรายเดียวไปแล้วนั้น ซึ่งในการอภิปรายท่าน รมว. มหาดไทย ได้ตอบและยืนยันในที่ประชุมสภาบอกพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า ไม่เห็นด้วยกับผู้บริหารและบอร์ดของการประปาส่วนภูมิภาคที่จะต่อสัญญาให้กับเอกชน
กระผมจึงขอถือโอกาสนี้เรียกร้องให้ท่าน รมว. มหาดไทย ได้เร่งรัด สั่งการให้ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาคได้เร่งรัดออกคำสั่งให้มีการเตรียมการเข้าดำเนินการโดยบุคลากรของการประปาก่อนสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 14 ตุลาคม 2566 ตามที่ได้รับปากต่อสภาไว้ เช่นการเตรียมโครงสร้างบุคลากรด้านการผลิตน้ำประปา เพื่อรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการผลิตจาก เอกชนเป็นประการที่หนึ่ง ประการที่สอง ขอเรียกร้องให้ท่านผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาคบริหารกิจการประปาซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติให้เป็นธรรม และมีธรรมาภิบาลในการบริหารองค์กรและผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเป็นธรรมและตัดสินใจใดๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้น้ำประปาโดยรวม
ตลอด 8 ปี ในการบริหารของพลเอกประยุทธ์ มีแต่ข่าวคราวการทุจริต โดยเฉพาะ 5 ปีหลังดัชนีความโปร่งใสทรุดลงตลอดจากอันดับที่ 96 ในปี 2560 ลงมาถึงอันดับที่ 110 ในปี 2564 ซึ่งแสดงถึงการทุจริตที่เพิ่มขึ้นมาตลอดจากการตรวจสอบขององค์กรต่างประเทศ Transparancy International ซึ่งหากปล่อยให้บริหารต่อไป การทุจริตจะยิ่งเพิ่มขึ้น