“ตรีชฎา” ตอก “ทิพานัน” กลัวเพื่อไทยจนโงหัวไม่ขึ้น ไม่เคยทำงานเพื่อ ปชช. เอาแต่โจมตีผู้อื่น เลี้ยงเสียข้าวสุก ย้อนถามใครครอบงำ พปชร.จนถูกร้องยุบพรรคกันแน่
นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกรัฐบาลกล่าวโจมตีการแสดงความเห็นของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหาว่า ดร.ทักษิณชี้นำให้เลือกพรรคเพื่อไทย ว่า นางสาวทิพานันต้องตั้งสติ ใช้ปัญญาคิดทบทวนไตร่ตรองให้ดีว่าการเข้ามาทำงานการเมืองในตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการการเมืองกินเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน ทำงานในทำเนียบรัฐบาล ควรมีจิตคิดสำนึกทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่องานราชการแผ่นดิน เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน อย่าแสดงพฤติกรรมที่ขาดสำนึก การพาดพิงถึง ดร.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี และพาดพิงมาถึงพรรคเพื่อไทย โดยการใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองในทางที่มิชอบ อาจเข้าข่ายกระทำการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ดังนั้นก่อนที่นางสาวทิพานันจะสั่งสอนผู้อื่น ต้องย้อนกลับมาดูที่การกระทำของตนเองด้วย
นางสาวตรีชฎา กล่าวอีกว่า อยากเตือนความจำนางสาวทิพานัน ว่าเอาแต่ท่องจำตัวบทกฎหมายมาขู่ฝ่ายตรงข้าม แต่ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในพรรคตัวเองกลับลืม คนที่กระทำการสุ่มเสี่ยงครอบงำพรรคอื่นจนถูกร้องยุบพรรค คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นางสาวทิพานันเชิดชู เดือนตุลาคม ปี 2564 มีคนร้องเรียนพล.อ.ประยุทธ์ กรณีเรียก 6 รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าหารือเมื่อวันที่ 25 ต.ค. อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 และมาตรา 29 หรือไม่ หรือเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐของนางสาวทิพานันเอง อย่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ก็ออกมายอมรับว่าคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ในประเด็นไม่ไปกินข้าวเย็นร่วมกับพรรคเพื่อไทย กลุ่ม 16 และพรรคเล็ก ก็ล้วนเป็นการกระทำที่ก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของพรรคการเมืองอื่น ซึ่งอาจจะนำไปสู่การยุบพรรค พปชร. ทั้งสิ้น
นางสาวทิพานัน ควรจะกลับไปมองตัวเอง ก่อนกล่าวร้ายผู้อื่น เพราะถ้าดูไม่ดีก็จะถูกตอกกลับด้วยข้อเท็จจริงเช่นนี้ และก่อนที่จะเข้ามาจุ้นจ้านกิจการพรรคอื่น หรือโจมตีข้อเสนอดีๆที่มีประโยชน์ต่อประเทศของ ดร.ทักษิณ ก็ควรกลับไปทำงานเพื่อประชาชนบ้าง ด้วยการทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ให้ได้ก่อน เรื่องค่าแรงก็เป็นหนึ่งในนั้น หาเสียงไว้ว่าจะขึ้นเป็น 425 บาทต่อวัน ตอนนี้ไปถึงไหน หรือ นางสาวทิพานันสะเทือนใจที่พรรคการเมืองที่ตัวเองสังกัดหาเสียงเรื่องขึ้นค่าแรงเอาไว้แล้วทำไม่ได้เลยด้อยค่า อิจฉาริษยาในข้อเสนอของ ดร.ทักษิณ ที่เสนอให้รัฐบาลต่อไปเพิ่มค่าแรงเป็นวันละ 800 บาทกันแน่
นางสาวตรีชฎา กล่าวอีกว่า นางสาวทิพานัน วันๆ เอาแต่หาที่ยืนให้ตัวเองด้วยการโจมตีผู้อื่น ทั้งที่หน้าที่หลักคือการสื่อสารนโยบายหรืองานของรัฐบาลให้ประชาชนได้รับรู้ ดร.ทักษิณ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่สร้างคุณูปการให้กับประเทศไทยมากมาย ประสบการณ์การทำงานบริหารราชการแผ่นดินนั้นคนละชั้นกับรัฐบาลนี้ เรียกได้ว่าต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว มีความรู้ ความสามารถ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของคนไทย ประชาชนลงคะแนนเสียงเลือกมาอย่างถล่มทลายสองสมัย เช่นเดียวกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ประชาชนเลือกมาด้วยคะแนนสูงสุด แต่มาถูกยึดอำนาจโดยใช้กำลังทหาร อดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองไม่ได้มาจากการแต่งตั้งคณะใดเพื่อมาเลือกตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี แบบชงเองตบเอง จนทำให้ประเทศต้องติดหล่มอย่างทุกวันนี้ และไม่ว่าจะเป็นใครในประเทศนี้ หากมีความรู้ ความสามารถ ก็เข้าสู่การเมืองได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียม ตราบใดที่ไม่ได้กระทำการนอกรัฐธรรมนูญ นั่นคือการรัฐประหารยึดอำนาจ อย่างที่ผู้นำรัฐประหารบางจำพวกกระทำ
“ประชาชนจ้าง น.ส.ทิพานัน มาทำงาน ควรสำนึกไว้บ้างว่าภาษีทุกบาทคือประชาชนจ่าย ควรทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ประชาชนจะว่าเอาได้ว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก ไม่ควรไร้มารยาท วิจารณ์พรรคการเมืองอื่นด้วยการนั่งมโนไปเรื่อยๆ พรรคเพื่อไทยมีคณะทำงานด้านนโยบายครอบคลุมทุกด้าน คิดค้นนโยบายที่ดีและทำได้จริง คนที่ครอบงำพรรคเพื่อไทย ได้คือประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น น.ส.ทิพานัน ต้องหยุดวาจาใส่ร้ายป้ายสีที่จะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวตลอด ให้อายถึงวงศ์ตระกูลสืบลูกสืบหลาน สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุลเช่นนี้คนเขาจะมองย้อนไปถึงบุพการีเอาได้ ว่าสอนกันมาอย่างไร ประชาชนต้องอับอายที่มีนายกฯ ที่ยกมือยิ้มร่ายอมรับว่าตนเองรัฐประหารมาอยู่แล้ว ยังต้องมาอับอายที่ต้องมีรองโฆษกรัฐบาลแบบนี้ ความกลัวทำให้เสื่อม กลัวเพื่อไทยมากจนโงหัวไม่ขึ้น วนเวียนอยู่กับการโจมตีผู้อื่น ไปวันๆ เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดแบบนี้ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาล” นางสาวตรีชฎา กล่าว