ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บางนาเพื่อไทย โวย สปสช.ไม่ต่อสัญญา รพ.เอกชน ไม่รับบัตรทอง 30 บาทตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้ ทำ ปชช.เหวอ วอนทบทวนคำสั่ง หวั่นผู้ป่วยฉุกเฉิน – รักษาต่อเนื่องเดือดร้อน
นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางนา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่บางนา พระโขนงว่าขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่บางแห่ง ติดป้ายประกาศไม่รับผู้ป่วยที่ใช้สิทธิบัตรทองกับทางโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป เนื่องจากหมดสัญญากับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และทาง สปสช.ไม่ต่อสัญญา ซึ่งส่งผลกระทบกับการรักษาตัวของผู้ป่วยกลุ่มคนไข้ฉุกเฉินและผู้ป่วยที่ต้องรักษาอาการอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกับทางโรงพยาบาลพบว่า ทาง สปสช.แจ้งเหตุผลของการไม่ต่อสัญญาเป็นโรงพยาบาลในสังกัด เนื่องจากทางโรงพยาบาลกระทำผิดโดยออกหน่วยตรวจสุขภาพประชาชน ซึ่งเป็นกรณีที่ สปสช.เคยเอาผิดกับคลีนิคปฐมภูมิหลังมีกระแสข่าวเกิดการทุจริตเบิกงบจาก สปสช.จากการออกหน่วยตรวจสุขภาพเกินกว่าค่าใช้จ่ายจริง ซึ่งในกรณีดังกล่าวได้ทำให้ทางโรงพยาบาลมีความจำเป็นต้องให้บริการผู้ป่วยที่ถูกโอนย้ายมาจากคลีนิคปฐมภูมิที่ถูกสั่งปิดกิจการด้วย รวมแล้วมีประชาชนที่ใช้สิทธิบัตรทองในโรงพยาบาลดังกล่าวกว่า 50,000 คน และยังมีโรงพยาบาลเอกชนใกล้เคียงที่อาจถูกยกเลิกสิทธิรักษาผู้ป่วยบัตรทองเป็นในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย หาก สปสช. และกระทรวงสาธารณสุขไม่เร่งแก้ไข อาจส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่ใช้สิทธิบัตรทองในพื้นที่บางนา-พระโขนงและในกรุงเทพมหานครรวมกว่า 200,000 คน
นายกวีวงศ์ กล่าวอีกว่า ลำพังผู้ป่วยกลุ่มคนไข้ใหม่ หรือเจ็บป่วยตามฤดูกาล หากจะไปใช้โรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ใกล้เคียงนั้นแม้สามารถทำได้ แต่โรงพยาบาลเหล่านั้นก็ล้วนเต็มศักยภาพที่จะรองรับผู้ป่วยเดิมอยู่แล้ว ยิ่งโดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยอาการรุนแรงและอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการตรวจรักษาเป็นประจำอย่างต่อเนื่องกับโรงพยาบาลดังกล่าว ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลจะประสบกับความยากลำบากมากขึ้น ภาครัฐ โดย สปสช.ควรหาทางออกให้กับพี่น้องประชาชนด้วยการทบทวนคำสั่งที่ยกเลิกสัญญากับโรงพยาบาลเอกชนที่รับผู้ป่วยบัตรทอง หรือเลื่อนระยะเวลาการปิดให้บริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองกับโรงพยาบาลดังกล่าวออกไปก่อนจนกว่าจะหาทางออกให้กับพี่น้องประชาชนได้ ไม่ควรปล่อยลอยแพพี่น้องประชาชนแบบนี้
“ประชาชนรวมตัวมาขอความช่วยเหลือ เพราะพวกเขาหมดหนทาง หมดที่พึ่งแล้ว รัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้พี่น้องประชาชนแค่ทำงานหาเช้ากินค่ำหาเงินมาเลี้ยงชีพก็ลำบากยากเข็ญมากเพียงพออยู่แล้ว ยังต้องกลับมากังวลกับการรักษาอาการเจ็บป่วยอีก อย่าให้ประชาชนต้องกลับไปเป็นคนไข้อนาถาเหมือนเมื่อหลายสิบก่อนจะมีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคเลยครับ ประเทศไทยมาไกลมากแล้ว อย่าถอยหลังกลับไปอีก อย่าทิ้งประชาชนไว้ข้างหลังนะครับ” นายกวีวงศ์ กล่าว