“นพพล”แนะ“ประยุทธ์”ดูน้ำท่วมต้องมีประโยชน์อย่าไปแค่โชว์ตัว ชี้ ประกันรายได้เหลว 4 ปีเกือบ 500,000 ล้านใครได้ประโยชน์ชาวนาหรือนายทุน

นายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ประชาชนในหลายพื้นที่ของจังหวัดพิษณุโลกกำลังประสบปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรม แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐ ชาวบ้านหลายหมื่นครัวเรือน ไม่เคยได้รับถุงยังชีพ ทั้งนี้เพราะเจ้าหน้าที่นำถุงยังชีพไปกองรวมที่ผู้นำหมู่บ้าน แต่มาไม่ครบ อาทิ ชาวบ้านเดือดร้อน 200 หลังคาเรือนแต่ให้ถุงยังชีพเพียง 50 ถุง แล้วจะแจกอย่างไร เจ้าหน้าที่รัฐโยนให้ผู้นำท้องถิ่นรับผิดชอบแทน แต่ไม่สนับสนุนงบประมาณอ้างไม่มี

นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่นาข้าว ที่ท่วมนั้นรัฐมองว่าไม่เสียหาย รัฐตั้งเกณฑ์ว่าน้ำต้องท่วมจนมองไม่เห็นต้นข้าวถึงจะได้รับเงินชดเชย ทั้งนี้เกษตรกรมองว่ารัฐไม่เข้าใจถึงวิถีเกษตรอย่างแท้จริง แม้จะท่วมแค่ครึ่งต้น ก็กระทบกับข้าวที่ปลูกแล้ว ดังนั้นเกษตรกรจึงมองว่ารัฐบาลพยายามกดตัวเลขความเสียหายที่แท้จริง เพราะหวังลดงบประมาณการจ่ายชดเชย ให้กับเกษตรกร นอกจากนี้จังหวัดพิษณุโลกแม้น้ำจะท่วมในหลายพื้นที่แต่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติดังนั้นพี่น้องประชาชนคงหมดสิทธิ์ที่จะได้รับการชดเชยจากรัฐ

นายนพพล กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเงินในโครงการประกันรายได้ที่เกษตรกรหลายคนยังไม่รู้ว่าจะได้รับเมื่อไหร่ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาล ใช้เงินในโครงการประกันรายได้เกือบ 500,000 ล้านบาท ชนเพดานหนี้แล้ว ดังนั้น อยากถามรัฐบาลว่าเงินในโครงการนี้ใครได้ประโยชน์ หากชาวนาได้รับ ประโยชน์ ความเป็นอยู่ชาวนาคงดีกว่านี้แน่ การช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรรัฐบาลต้องจริงใจ รวมทั้งข้อมูลต้องพร้อม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ทราบหรือต้นทุนปลูกข้าวพุ่งสูงขึ้น ดังนั้นควรปรับราคารับประกันข้าวทุกประเภท อาทิ ข้าวกข.จาก 10,000 บาทต่อตันมาเป็น 12,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมมะลิจาก 15,000-18,000 บาท เพื่อให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น ปัจจุบันราคารับซื้อข้าว เปลือกของโรงสี รับซื้อจากเกษตรกร 6.50 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรที่เข้าร่วมโครง การขาดทุนตั้งแต่ขายแล้ว

“หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยกทีมลงพื้นที่ดูน้ำท่วม ไปดูแล้วต้องได้ความรู้กลับมาว่าจะหาทางช่วยพี่น้องประชาชนอย่างไร การลงพื้นที่ของผู้นำประเทศต้องไปทำงานไม่ใช่ไปโชว์ตัวเหมือนไปงานอีเว้นท์แสดงสัญลักษณ์ว่าไอเลิฟยูแบบนั้น ต้องไปดูให้รู้จริง ว่า ประชาชนลำบากอย่างไร อยู่อย่างไร กินอย่างไร อะไรคือนาล่ม ลงพื้นที่จริง อย่าไปเฉพาะที่เขาจัดไว้ ถ้าอย่างนั้นอย่าไปเลยเป็นภาระให้กับหน่วยงานในพื้นที่ต้องเปลืองงบประมาณดูแลโดยใช่เหตุ นอกจากการลงพื้นที่มือเปล่า แต่พลเอกประยุทธ์ บอกปวดใจแต่ชาวบ้านที่ประสบเหตุปวดใจกว่าเพราะขนาดผู้นำประเทศมาแต่กลับไม่มีแม้ถุงยังชีพมาแจกประชาชน แล้วจะมาทำไม ส่วนที่รัฐบาลคุยโวว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้น สวนทางกับความเป็นจริง หากเศรษฐกิจดีจริงรายได้ประชาชนต้องเพิ่มขึ้น ไม่ใช่บัตรคนจนเพิ่มขึ้นจาก 14 ล้านใบมาเป็น 20 ล้านใบอย่างที่เป็นอยู่ บรรดาพวกเอาหน้าอย่าอวยจนชาวบ้านระอาเลย ประชาชนเขาเอียนแล้ว ” นายนพพล กล่าว