‘ลิณธิภรณ์’ จี้รัฐบาลประยุทธ์จริงจังปราบปราม ควบคุมอาวุธ ธุรกิจสีเทา ส่วย-พนันพุ่ง อย่าปล่อย ปชช.อยู่ด้วยความหวาดกลัว
ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีการนำเสนอข่าวรายวันเกี่ยวกับการก่อเหตุของเจ้าหน้าที่ ผู้มีอิทธิพล ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ไปในทางที่ผิด เช่น กรณีที่ตำรวจช่วยราชการชุด S.W.A.T จ.ตรัง เมาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคนตายในสถานบันเทิง หรือ กรณีเจ้าของพับดังพัทยาพูดเรื่องค่าคุ้มครอง เมื่อถูกตรวจตำรวจตรวจค้นที่ จ.ชลบุรี หรือกรณีการปล้นของกลางยาเสพติดที่ จ.สงขลา และอีกหลายกรณีที่เกิดขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงให้เห็นว่า ทุกวันนี้มาตรฐานของความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตประชาชนลดต่ำ ภายใต้รัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตลอด 8 ปี การ ‘ปฎิรูปประเทศ’ ล้มเหลว การ ‘ปฎิรูปตำรวจ’ ไม่ได้ถึงไหน ตั้งคณะกรรมการมาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมรวมถึงการปฏิรูปตำรวจรวม 6 ชุด แต่สามารถผ่านกฎหมายได้เพียงฉบับเดียวเท่านั้น คือ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ แต่กฎหมายเป็นเพียงกลไกหนึ่งเท่านั้น เพราะประชาชนขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ ขาดเชื่อมั่นศรัทธาในการบังคับใช้กฎหมายของผู้ถือกฎหมายไปแล้ว
นอกจากการ ‘ปฎิรูปตำรวจ’ ไม่เดินหน้า แต่ส่วย การพนัน ยาเสพติด ธุรกิจสีเทากลับเฟื้องฟูเพราะเจ้าหน้าที่รัฐนิ่งดูดายใช่หรือไม่ มีงานวิจัยมากมายยืนยันว่าเยาวชนไทยเสพติดการพนันจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี จากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ประมาณการว่ามีคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปเล่นการพนันในรอบปี 2564 จำนวน 32.330 ล้านคนหรือ 59.6% เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่ 6.3% หรือเพิ่มขึ้น 1.909 ล้านคน สิ่งที่เกิดขึ้นคือปัญหาที่จะตามมา เด็กและเยาวชนจะขาดการยับยั้งชั่งใจ เกิดปัญหาหนี้สินเดินสู่เส้นทางที่ผิดกฎหมาย หากรัฐบาลไม่ตื่นตัว และตื่นกลัว ปัญหาดังกล่าวอาจทำให้ประเทศชาติเสียหายมากกว่านี้
ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ
1.รัฐบาลต้องมีมาตรการลงโทษที่จริงจัง ชัดเจนในเรื่องของการปราบปรามธุรกิจกิจสีเทา ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งระบบ โดยเฉพาะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น ตำรวจ ต้องมีบทลงโทษผู้บังคับบัญชาระดับสูง ไม่ใช่ชั้นผู้น้อยรับผิด เพราะปล่อยปละละเลย หรือมีผลประโยชน์จากส่วยใช่หรือไม่ เพื่อให้เกิดมาตรฐานการเอาผิดที่เด็ดขาด
2.จัดให้มีการประเมินผลทางสุขภาพจิตเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถพกพาอาวุธตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องทุกเดือน จัดทำแบบประเมินผลในด้านวุฒิภาวะทางอารมณ์จากผู้ร่วมงาน เพื่อป้องกันการก่อเหตุ ที่อาจเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ควรมีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยพี่น้องประชาชน
“ในช่วงที่ผ่านมา สังคมไทยได้ส่งเสียงตั้งคำถามต่อการปฏิบัติงานของตำรวจมากมาย แต่ก็ไร้เสียงตอบรับที่น่าพึงพอใจจากพลเอกประยุทธ์ ปัญหาไม่ใช่การออกกฎหมาย แต่ผู้บังคับใช้กฎหมายจริงจังและจริงใจแค่ไหนในการแก้ปัญหา ถ้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีมีทั้งอำนาจและหน้าที่ต้องมีความจริงจังในการปฏิรูปตำรวจอย่างที่เคยประกาศไว้ เพราะยิ่งล่าช้า ยิ่งสูญเสีย หยุดละเลยแล้วหันมาเอาจริงให้มากกว่านี้” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว.