“พิชัย” ท้วง “ประยุทธ์” ผลิตไฟฟ้าเกินมากแต่ยังจะให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 5,203 เมกกะวัตต์ อีกทั้งขัดแย้งผลประโยชน์ในธุรกิจพลังงาน “กฤษฎา” แนะ “ประยุทธ์” สร้างรายได้ให้คนไทยเพิ่มก่อนคิดขายที่ดินต่างชาติ “เอกชัย” จี้ “ประยุทธ์” เร่งช่วยเหลือน้ำท่วมที่อุบลราชธานี และ ภาคอีสาน และ ช่วยฟื้นฟูหลังน้ำท่วม “จุฑาพร” ค้าน “ประยุทธ์” ทำลายฝัน คนจน และคนรุ่นใหม่หมดโอกาสเป็นเจ้าของที่ดินในบ้านเกิด คนไร้บ้านพุ่ง

“พิชัย” ท้วง “ประยุทธ์” ผลิตไฟฟ้าเกินมากแต่ยังจะให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 5,203 เมกกะวัตต์ อีกทั้งขัดแย้งผลประโยชน์ในธุรกิจพลังงาน ชี้ ผู้นำขาดความรู้จะกลายเป็นขายชาติ พากันลงเหว แนะ ต้องคิดครบกรอบ และเข้าใจสถานการณ์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับการยอมรับและตอกย้ำอีกครั้งจากการกระทำของพลเอกประยุทธ์ เองที่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ง่าย โดยอ้างว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ที่ดินราคาเพิ่มขึ้นสูง และ คนไทยส่วนใหญ่ประมาณ 80% ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองจะเดือดร้อนและจะไม่มีปัญญาซื้อที่ดินเป็นของตัวเองได้ ทำให้ถูกโจมตีทั้งโซเชียลอย่างหนักว่าเป็นการขายชาติ ทำให้คนส่วนใหญ่สงสัยกันว่าน่าจะเป็นการขายชาติมากกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่

นอกจากนี้การที่รัฐบาลอ้างว่าผลการบริหารงานทำให้คนจนและคนว่างงานลดลง ซึ่งย้อนแย้งกับปริมาณบัตรคนจนที่แจกมากขึ้นถึง 23 ล้านใบ อีกทั้งหลักการการนับปริมาณคนว่างงานของไทยยังไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง เพราะคนว่างงานของไทยมากกว่าตัวเลขที่รายงานมาก แถมยังมีการว่างงานแฝงในภาคเกษตรกรรมอีกเป็นจำนวนมาก

แต่เรื่องที่น่าจะเป็นปัญหาและ ผู้นำที่ขาดความรู้ความเข้าใจคือเรื่องพลังงาน ที่เป็นปัญหามาตลอด โดยเฉพาะในช่วงหลังที่ราคาพลังงานมีราคาแพงขึ้นมาก ทำให้เห็นความผิดพลาดในการบริหารจัดการเพิ่มมากขึ้น ทั้งราคาน้ำมันที่มีราคาเพิ่มขึ้นมาก ราคาก๊าซหุงต้มที่พุ่งสูง และ ราคาไฟฟ้าที่มหาโหด

โดยเฉพาะราคาไฟฟ้าที่พุ่งขึ้นมากถึงหน่วยละ 4.72 บาท และยังมีแนวโน้มที่จะขึ้นต่ออีก สาเหตุมากจากการบริหารเชื้อเพลิงที่ผิดพลาด และอีกส่วนหนึ่งมาจากให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าที่เกินกว่าความจำเป็นมาก ทำให้มีปริมาณการผลิตไฟฟ้าสูงกว่า 50% ทำให้ต้องจ่ายค่าความพร้อมสำหรับโรงงานไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแต่ไม่ได้จ่ายไฟฟ้าเป็นจำนวนที่สูงเดือนละหลายพันล้านบาท แต่ล่าสุดทั้งๆที่มีปริมาณการผลิตที่เกิน แต่พลเอกประยุทธ์ ก็ยังจะออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 5,203 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะยิ่งทำให้การผลิตไฟฟ้าที่มีกำลังผลิตล้นอยู่แล้ว ล้นเพิ่มขึ้นอีก และถึงแม้จะอ้างว่าเป็นการผลิตไฟฟ้าจากแสงแดดและลมซึ่งเป็นอนาคต แต่คำถามก็ยังคงมีว่าแล้วแล้วได้มีการลดการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอซซิลลดลงไหม ซึ่งไม่เห็นมี การผลิตไฟฟ้าเพิ่มโดยไม่ลดส่วนอื่นลง อย่างไรก็ยิ่งทำให้การผลิตไฟฟ้าล้นเกินและจะมาเพิ่มค่าความพร้อมให้มากขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงอยากให้พิจารณาให้ดี อย่าดำเนินการโดยไม่ได้ศึกษาหรือต้องการแค่จะเอาใจนายทุนเท่านั้น เพราะจากข้อมูลที่ได้รับ ทีการล็อกสเป็กให้กับผู้ประกอบการบางกลุ่มไว้แล้ว โดยมีผู้ประกอบการหลายรายไม่สามารถจะเข้าร่วมโครงการนี้ได้

นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งในวงการพลังงานในระดับสูงแทบทุกระดับ ตามที่จะมีข่าวการเปลี่ยนประธานบอร์ด บมจ. ปตท. ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ได้ลาออก และจะลามไปเป็นการเปลี่ยน CEO ของ บมจ. ปตท. ด้วย รวมถึงการจะเปลี่ยนปลัดกระทรวงพลังงาน ทั้งนี้เพราะไม่ตามใจผู้มีอำนาจ หรือ ต้องการเอาใจนายทุนผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ซึ่งหากเป็นจริงความเสียหายทางด้านพลังงานจะมีปัญหามากยิ่งขึ้น และหากเป็นจริงนี่ก็เป็นการขายชาติทางด้านพลังงานอีกรูปแบบหนึ่ง และไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างไร

ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกผันผวนและเศรษฐกิจไทยยังย่ำแย่ ผู้นำจะต้องมีความรู้ความสามารถและต้องมีกรอบคิดในภาพใหญ่ เพียงพอที่จะนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากปัญหาได้ แต่ที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันพลเอกประยุทธ์ไม่ได้แสดงให้ประชาชนได้รับรู้เลย คิดได้แค่จะขายที่ดินให้ต่างชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กลายเป็นถูกโจมตีว่าขายชาติ ซึ่งทำให้ไม่มีใครเชื่อได้ว่าพลเอกประยุทธ์จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและนำพาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปได้

“กฤษฎา” แนะ “ประยุทธ์” สร้างรายได้ให้คนไทยเพิ่มก่อนคิดขายที่ดินต่างชาติ

นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย เขต 1 พรรคเพื่อไทย และ อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลออกนโยบาย ขายทรัพย์สินของชาติ ให้คนต่างประเทศนั้น หากประเทศมีสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและคนในประเทศมีกำลังซื้อที่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศได้ นโยบายนี้ก็อาจจะเป็นประโยชน์เพราะน่าจะเป็นการดึงเอาคนเก่งและนักลงทุน เข้ามาในประเทศ และต่อยอดให้เศรษฐกิจในภาครวม แต่วันนี้ เรายังเป็นรองประเทศเพื่อนบ้านมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เม็ดเงินการลงทุน รวมไปถึงความพร้อมของคนในชาติ เกรงว่านโยบายนี้จะยิ่งทำให้เกิดความเลื่อมล้ำของคนในชาติ และยิ่งจะทำให้ต่างชาติเข้ามาตักตวงผลประโยชน์

วันนี้ หากรัฐบาลต้องการจะขับเคลื่อนนโยบายนี้จริง ยิ่งควรจะต้องปูพื้นฐานให้คนในชาติ โดยเฉพาะรายได้ต่อหัว ควรจะต้องสูงกว่านี้ก่อน แต่วันนี้ เป็นเพราะรัฐบาลน่าจะหมดหนทางในการหารายได้และดึงดูดนักลงทุน เลยใช้วิธีการขายทรัพย์สินแทน เพราะเป็นวิธีที่ง่าย ในการเพิ่มเงินลงทุนในประเทศแต่ ในระยะยาวน่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราะสุดท้าย จะทำให้ที่ดินและทรัพย์สินแพงขึ้น จนคนไทยที่มีรายได้น้อยจะไม่สามารถเป็นเจ้าของได้

สิ่งเหล่านี้เป็นการตอกย้ำว่า รัฐบาลลงทุนผิดพลาด โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน วันนี้หากในสมัยท่านนายกยิ่งลักษณ์ ได้ขับเคลื่อนนโยบาย 2 ล้านๆ เสร็จตั้งแต่ปี 2563 ก็คงจะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาแล้ว บทเรียนที่สำคัญก็คือ วันนี้ประเทศลาว มีเม็ดเงินจำนวนมากจากหลายประเทศ มุ่งเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะหัวเมืองที่มี สถานีรถไฟความเร็วสูง เช่น บ่อเตน หลวงพระบาง วังเวียง จนถึงแม้แต่ตัวเวียงจันทร์เอง วันนี้เราช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายก้าว และหากจะยังดำเนินนโยบายล่าช้า และไม่ทันโลกแบบนี้อยู่ ก็เป็นไปได้ว่าสุดท้ายก็ต้องกู้เพิ่มแน่นอน

เอกชัย” จี้ “ประยุทธ์” เร่งช่วยเหลือน้ำท่วมที่อุบลราชธานี และ ภาคอีสาน และ ช่วยฟื้นฟูหลังน้ำท่วม

นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาอุบลราชธานี และ พื้นที่อีสานหลายพื้นที่ ประสบวิกฤติน้ำท่วม น้ำท่วมครั้งนี้ระดับน้ำ ในจังหวัดอุบลราชธานี สูงที่สุดในรอบ 44 ปี ท่วมหนักกว่า ปี 2562 ท่วมหนักกว่าปี 2554 และ ยังท่วมยาวนานกว่ามากอีกด้วย แม้กระทั่งขณะนี้ ถนนหลายสาย ในจังหวัดอุบลราชธานี ก็ยังจมน้ำอยู่ บ้านหลายหลังยังมีน้ำท่วมขัง พื้นที่เกษตรหลายพื้นที่เสียหายจากน้ำท่วม ผลผลิตทางการเกษตรสูญสิ้น พี่น้องเกษตรกรที่ประสปภัยน้ำท่วม ควรได้รับการช่วยเหลือยเยียวยา มากกว่าเกษตรกรที่ไม่ได้ประสบปัญหาน้ำท่วม ไม่ควรตัดสิทธิในการได้รับเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท และ สิทธิในการได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้ ซึ่งถ้าตัดสิทธิ์ในการได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว และ เงินส่วนต่างประกันรายได้ของเกษตรกรผู้ถูกน้ำถ่วม เชื่อว่าชาวนา หลายราย คงไม่ได้แจ้งให้ทางรัฐบาลทราบ เพราะเกรงจะได้เงินช่วยเหลือ น้อยกว่าเดิม ทั้งๆที่น้ำท่วมข้าวเสียหายหมด แต่ได้รับเงินช่วยเหลือสนับสนุน น้อยกว่า ผุ้ที่น้ำไม่ท่วม รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในการคงการรับสิทธิ์ต่างๆที่ได้รับ แต่เดิมด้วย วันนี้น้ำท่วมกำลังจะผ่านไป แต่ผลกระทบของน้ำท่วมนั้นมากมาย นอกจากการช่วยเหลือเยี่ยวยา บ้านเรือน และเกษตรกร แล้ว การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ธุรกิจภูมิภาค และ โครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ

ควรอาศัยโอกาศนี้ ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาค โครงสร้างพื้นฐานที่ดีจะดึงดูดการลงทุน ยังมีอีกหลายวิธีที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และ ดึงดูดการลงทุน นอกเหนือจากการขายที่ดินให้ต่างชาติ ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เช่น เน้นแก้ปัญหาด้วยการแจกเงินผ่านโครงการต่างๆ แต่ผลที่ได้กลับไม่ทำให้เศรษฐกิจเติบโต ตรงข้ามหนี้สินครัวเรือนกลับสูงขึ้นมากที่สุดในประวัตรศาสตร์ รายได้ประชาขนลดลงเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ รายได้ไม่พอรายจ่าย เงินส่วนใหญ่ที่หามาได้ หมดไปกับการอุปโภคบริโภค ประชาชนไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินลงทุน ปัญหายิ่งหนักไปกว่าเดิม รัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน 8 ปีที่ผ่านมาจึงไม่สามารถ เพิ่้มรายได้ เพิ่มผลผลิต ให้กับพี่น้องประชาชนได้ มีแต่เพิ่มรายจ่ายของแพงค่าครองชีพสูง นอกจานี้ รัฐบาล มักจะอ้างว่าปัญหาวันนี้ มาจากการติดกระดุมผิดเม็ดของรัฐบาลก่อนหน้าจึงต้องอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป

ดังนั้น ความแข็งแกร่งของนายกฯ ไม่ได้่ทำให้แค่เสียเพื่อน เสียมิตร แต่ยังทำให้ประเทศไทยเสียโอกาศอีกด้วย ท่านน่าจะเป็นนายกคนแรกของไทย ที่ทำให้เศรษฐกิจไทย โตต่ำที่สุดในภุมิภาคมาตลอด

“จุฑาพร” ค้าน “ประยุทธ์” ทำลายฝัน คนจน และคนรุ่นใหม่หมดโอกาสเป็นเจ้าของที่ดินในบ้านเกิด คนไร้บ้านพุ่ง อ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ แท้จริงคิดไม่ออก คิดได้แค่นี้ ถูกโจมดีว่าขายชาติ แนะ เพิ่มรายได้ให้ประชาชนซื้อที่ดินได้

จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางรัก และโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า มติครม. ล่าสุดที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ในจำนวนไม่เกิน 1 ไร่ หากลงทุนตั้งแต่ 40 ล้านบาทขึ้นไป และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปีในธุรกิจ สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะกฎหมายนี้จะส่งผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ ประชาชนในหลายมิติ
ปัจจุบันในหลายพื้นที่มีชาวต่างชาติ ซื้อที่ดินในไทยแล้ว แต่ใช้คนไทยเป็นนอมินีใส่ชื่อแทนไว้ หากร่างกฎหมายนี้นำมาบังคับใช้ ราคาอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อย และคนรุ่นใหม่ที่พยายามสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่สามารถมีบ้านและที่ดินเป็นของตนเองได้

อนาคตคนไทยต้องเช่าที่บนแผ่นดินเกิดตัวเองจากชาวต่างชาติ ทุกวันนี้ ประชาชนก็ลำบากมากอยู่แล้ว กว่า 80% ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง และจำนวนคนไร้บ้านจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งในปัจจุบันคนไร้บ้านมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ในพื้นที่กลางเมืองหลวง อย่างเขตบางรัก พบเห็นคนนอนตามฟุตบาท มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก พ่อค้า แม่ค้าร้องเรียนกระทบภาพลักษณ์ประเทศไทย เวลานักท่องเที่ยวสัญจรทางเท้า
รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนสนใจมาลงทุนในไทย เร่งการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว อย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้เลือกผู้นำเข้ามากอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ หากเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน จะแก้กฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินในประเทศไทย ลูกหลานไทยเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแผ่นดินเกิด ที่รอเวลาถูกยืดครองโดยชาวต่างชาติ

รัฐบาลที่ดีจะมีนโยบายที่จะต้องสร้างรายได้ให้ประชาชนให้เพิ่มขึ้น ประชาชนจะได้มีเงินมาซื้อที่ดินเป็นของตัวเอง และทำให้ประชาชนเป็นเจ้าของที่ดินง่ายขึ้น มากกว่าจะคิดขายที่ดินให้กับต่างชาติในขณะที่คนส่วนมากยังไม่มีที่ดินของตัวเอง