นายแพทย์โอชิษฐ์ เกียรติ ก้องชูชัย ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษก คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.เป็นกลุ่มคนที่เป็นจิตอาสาที่ตั้งใจเข้ามาทำงาน ค่าตอบแทนไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้อสม.ทำงานน้อยลง สิ่งหนึ่งที่จะต้องให้กับ อสม.มากที่สุดคือการให้องค์ความรู้ และการปรับตัวให้กับการแพทย์สมัยใหม่ ด้วยการเรียนรู้รูปแบบของเทเลเมดิซีนหรือแพทย์ทางไกลให้มากที่สุด

ดังนั้นอสม.ต้องมีเครื่องมือที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบเทเลเมดิซีน เพื่อการให้บริการผู้ป่วยให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด พรรคเพื่อไทยมองว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังอยู่ในต่างจังหวัด ดังนั้นระบบระบบเทเลเมดดีซีนในพื้นที่ห่างไกลคือรูปแบบที่สำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนในทุกพื้นที่ หากรัฐบาลพัฒนา ระบบอินเตอร์เน็ตสำหรับ อสม.โดยเฉพาะจะสามารถต่อยอดและดูแลคนไข้ ได้ตามพื้นที่ห่างไกลเป็นอย่างดีในขณะที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นรูปแบบดังกล่าวจะทำให้อสม.ทำงานได้ง่ายขึ้นและผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

นายแพทย์โอชิษ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยมีแผนงานที่จะยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต.โดยในหลักการส่งเสริมให้รพ.สต.ให้ความรู้ในการดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงพร้อมกันนั้นยกระดับ รพ.สต.ให้รองรับผู้ป่วยได้เบื้องต้น หรือนอนพักรักษาตัวที่รพ.สต.ได้ไม่เกิน 4-8 ชั่วโมง หากรัฐบาลสามารถที่จะยกระดับรพ.สตได้ก็จะช่วยลดจำนวนผู้ป่วย ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามารักษาในเมืองจนแน่นโรงพยาบาลอย่างที่เป็นอยู่

“ผมเชื่อว่าอสม.เป็นฟันเฟืองสำคัญในการดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชน หากบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพออาจจำเป็นต้องเพิ่มจิตอาสาให้มากขึ้น ถ้ารัฐบาลสามารถพัฒนาศักยภาพของอสม.ให้สามารถดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงได้ ก็จะทำให้อสม.อยากเข้ามาทำงานมากขึ้น เพราะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปดูแลคนในครอบครัวของตนเองด้วย พรรคเพื่อไทยพร้อม พัฒนาทั้งคนและบุคลากรทางการแพทย์เพื่อเดินหน้าไปสู่ เมดิคัลฮับหรือ “ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เพื่อรองรับคนรักสุขภาพทั่วโลกเดินทางมาไทย ในที่สุด”นายแพทย์ โอชิษ กล่าว