‘สุธรรม’ พร้อมยกระดับนโยบายกองทุนหมู่บ้าน-ธนาคารประชาชนให้คนฐานรากได้เข้าถึงทุน สร้างงานสร้างอาชีพ ต่อลมหายใจธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางให้กลับมาฟื้นอีกครั้ง
สุธรรม แสงประทุม ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบาย พรรคเพื่อไทย ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวในกิจกรรม ครอบครัวเพื่อไทย จังหวัดนครศรีธรรมราช ‘ครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง’ วันที่ 11 ธันวาคม 2565 ณ หอประชุมเมืองนครศรีธรรมราช (ทุ่งท่าลาด) ว่าภายหลังประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนครั้งแรกในปี 2540 ส่งผลให้พรรคไทยรักไทย แจ้งเกิดบนเวทีการเมือง พร้อมขับเคลื่อนด้วยนโยบายเพื่อประชาชน ซึ่งนโยบายที่เป็นธงนำทั้ง 3 ด้านคือ นโยบายกองทุนหมู่บ้าน นโยบายกองทุนเอสเอ็มอี และนโยบายประกาศสงครามยาเสพติด เป็นนโยบายที่ยังคงผลิดอกออกผล สร้างความกินดีอยู่ดี สร้างสวัสดิภาพปลอดภัยในชีวิตให้คนไทยถึงทุกวันนี้
สุธรรม กล่าวว่าประเทศไทยเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 40 ในโชคร้ายคือวิกฤตเศรษฐกิจ แต่มีโชคดี คือ มีการร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งนำเจตนารมณ์ประชาธิปไตยจากเหตุการณ์ 14ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519, ตลอดจนเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 เข้าไปบรรจุไว้โดยฟังเสียงประชาชน เป็นการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยโดยสันติที่มีความหมายอันยิ่งใหญ่ มีการจัดความสัมพันธ์อำนาจของประชาชนกับข้าราชการประจำ สภาผู้แทนราษฎรมีความแข็งแรงพอจะขับเคลื่อนงานประเทศผ่านข้าราชการประจำเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
พรรคไทยรักไทย ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยการระดมผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขาอาชีพหลากหลาย เดินสายปักธงตั้งแต่เหนือสุดเชียงรายไปนราธิวาสใต้สุด รับฟังปัญหามาวิเคราะห์กลั่นกรองจนได้นโยบาย 11 ด้านหรือ 11 วาระแห่งชาติในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค และถอดบทเรียนออกมาเป็นนโยบายสงคราม 3 ด้านคือ สงครามกับความยากจน สงครามกับยาเสพติด และสงครามปราบทุจริตคอร์รัปชั่น
สุธรรม กล่าวต่อว่า นโยบายที่โดดเด่นที่สุดนโยบายหนึ่งคือ กองทุนหมู่บ้าน เพราะหัวใจของนโยบายนี้คือเอาทุนกลับไปให้คนที่ต้องการที่สุดคือคนจน และให้ทุนไปถึงเขาตรงที่สุดไม่ผ่านใคร คือลงไปที่หมู่บ้าน 7 หมื่นแห่ง ไม่ต้องไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ โอนวันนี้ถึงวันนี้ผ่านไป 20 ปี นโยบายกองทุนหมู่บ้านในหลายหมื่นหมู่บ้าน เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ผลิดอกออกใบเป็นร่มเงาที่แข็งแรงให้คนในชุมชนมีอยู่มีกิน
นโยบายธนาคารประชาชน หรือเอสเอ็มอี ก็เป็นนโยบายที่เรารดน้ำต้นไม้ที่ราก ไม่ใช่รดที่ใบ เรารู้ว่าธนาคารพาณิชย์ ไม่กล้าปล่อยกู้ให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง อยากปล่อยกู้แต่กิจการใหญ่ที่มั่นคงหนี้ไม่เสีย ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นลำบาก จึงรู้ว่าต้องจับคู่ทุนกับคนที่ร้องขอ ท่านจึงจัดให้ทุนได้เจอกับคนจน และผลักด้านสร้างวิสาหกิจชุมชนจำนวนมาก คือทำครบวงจรตั้งแต่ รับฟัง วางกระบวนการแก้ปัญหา เอาความรู้การตลาดใส่ เอาเทคโนโลยีใส่ เพื่อนำผลผลิตออกสู่ตลาด
“ดังนั้น แนวทางการทำงานของพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2544 จึงเป็นปีเริ่มต้นแห่งการขับเคลื่อนชัยชนะ ผลักดันนโยบายเพื่อประชาชน เจตนารมณ์ดังกล่าวสืบสานมายังพรรคเพื่อไทยในวันนี้ เราจึงรู้ว่า ปัญหาของประเทศอยู่ที่ตรงไหน คนกลุ่มไหนมีปัญหาอย่างไร คนกลุ่มไหนที่เราต้องพยุงเขาให้ลุกขึ้นได้ก่อน เราต้องสร้างรากหญ้าของเราให้เป็นกระดูกที่แข็งแรงยืนตัวตรง เราคิดแก้ปัญหาได้ แก้ปัญหาเป็น เราพร้อมแก้ทุกข์ให้พี่น้องประชาชนแล้ว” สุธรรม กล่าว