“วิสาร”อัด“ประยุทธ์”มุ่งเดินสายการเมืองเมินเหตุเรือรบหลวงอัปปาง อัด 8 ปี แก้ปากท้องเหลวสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เหตุปล่อยทุนใหญ่ปรับราคาสินค้าไร้ควบคุม
นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรณีที่ซูปเปอร์โพลเสนอผลสำรวจ เรื่องเปิดใจคนไทย อนาคต การเมือง และ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐ มนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีคะแนนนิยมลดลงอยู่อันดับท้ายๆ มาจากปัจจัยสำคัญคือ ความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนเรื่องปัญหาปากท้อง รายได้ ค่าครองชีพ อาชีพการงาน ทั้งนี้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนได้เลยทั้งๆที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่กลับปล่อยให้นายทุนรายใหญ่ ขึ้นราคาสินค้าตามใจชอบ กดขี่ผู้ประกอบการรายย่อย กินรวบตลาดค้าปลีก ค้าส่ง ส่งผลกระทบให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ที่ผ่านมา รัฐบาลปล่อยปละละเลยไม่สะสางปัญหา การที่กลุ่มทุน สีเทาสามารถเปิดบ่อนการพนัน ทั้งบนดินและออนไลน์ ขายยาเสพติด สร้างปัญหาให้กับสังคมไทย กระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนในห้วงเวลาที่ยาวนาน เพราะหากไม่มีอำนาจอื่นมาหนุนคนกลุ่มนี้ จะเข้ามามีอิทธิพลไม่ได้อย่างแน่นอน ที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์สั่งให้กำลังพลจับตากลุ่ม นักศึกษาที่จัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยแต่กลับไม่ดำเนินการกับกลุ่มทุนสีเทาที่ขยายอิทธิพลและสร้างความมั่งคั่งของธุรกิจสีเทาในประประเทศ
นายวิสาร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ปัญหาคอรัปชั่นที่ขยายตัวมากขึ้น แม้แต่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ เผยแพร่ดัชนีภาพลักษณ์ การคอร์รัปชันในภาครัฐทั่วโลก ผลปรากฏว่าพบว่าอันดับของประเทศไทยในปีนี้ ถูกจัดอยู่ที่อันดับที่ 110 จาก 180 ประเทศ นับว่าเป็นอันดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นการชี้ให้เห็นว่าที่พลเอกประยุทธ์บอกว่าเข้ามาปราบทุจริต เป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น เพราะแม้ฝ่ายค้านจะชี้เป้าให้ตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ที่ไม่โปร่งใส การจัดซื้อถุงมือยางที่เสียหาย ไปหลายพันล้าน พลเอกประยุทธ์กลับไม่ดำเนินการ การไม่ดำเนินการ ส่งผลให้ชาวบ้านมีคำถามว่าพลเอกประยุทธ์กลัวอะไรจึงไม่จัดการการทุจริต ภายในรัฐบาลหรือกลัวตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
“ที่น่าประหลาดใจคือ เหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย ประสบเหตุอัปปาง ขณะลาดตระเวนประสบเหตุการณ์พายุคลื่นลมแรงกลางทะเลอ่าวไทย บริเวณพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งผลให้กำลังพล 110 นายบนเรือต้องลอยคอกลางทะเล เพื่อรอความช่วยเหลือ แม้สามารถช่วยเหลือได้รวม 76 นาย ที่เหลืออีก 30 นายยังไม่พบตัว ล่าสุดมีรายงานว่าจากการค้นหาพบผู้เสีย ชีวิตเป็นจำนวน 6 ราย รอดชีวิต 1 ราย ยังเหลือที่ยังไม่พบอีก 22 ราย น่าประหลาดใจว่า ทำไมพลเอกประยุทธ์ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม กลับไม่ให้ความสำคัญมากนัก ทั้งนี้พลเอกประยุทธ์ให้ความสำคัญกับการเดินสายหาเสียงเพื่อการเมือง มากกว่าการเร่งช่วยเหลือกำลังพลที่สูญหายจากการอัปปางของเรือรบหลวงที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดความสูญเสียกำลังพลเป็นจำวนมาก ทั้งๆที่ตัวเองเป็นเป็นผู้นำเหล่าทัพกลับไม่ให้ความสำคัญกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น“ นายวิสาร กล่าว