‘ลิณธิภรณ์’ อัด ‘ประยุทธ์’ เคลม Medical hub ‘รัฐบาลยิ่งลักษณ์’ ชี้ เป็นนักการเมืองต้อง Fair play อย่าเอาเปรียบทางการเมืองใกล้เลือกตั้ง

ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่างถึงกรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคลมผลงานนโยบาย Medical Hub ให้บริการการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอุตสาหกรรมชั้นนำในภูมิภาคว่า ชัดเจนแล้วเมื่อปี่กลองทางการเมืองเริ่มดังขึ้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวมา 8 ปีแล้ว แต่ได้ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกพรรคหนึ่งทั้งที่ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีอีกพรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นการผิดมารยาททางการเมืองและไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ถือว่าขณะนี้พลเอกประยุทธ์เป็นนักการเมืองเต็มตัว เมื่อใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งจึงพยายามควานหาผลงาน โดยเลือกที่จะเคลมผลงาน Medical Hub ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ริเริ่ม ตอกเสาเข็มโครงการนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2556 แต่พลเอกประยุทธ์กลับนำเอามาพูดเป็นความภาคภูมิใจเสมือนว่าเป็นผู้ริเริ่มโครงการเอง เป็นการกระทำซ้ำรอยกับพูดถึงโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค บนเวทีโลก ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา ทั้งที่เป็นผลงานที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ริเริ่มและทำสำเร็จไว้

ทั้งนี้ หลายนโยบายที่ได้ทำต่อจากพรรคเพื่อไทย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค กลายเป็นหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า พรรคเพื่อไทยดีใจที่นโยบายดีๆถูกนำไปทำต่อและเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน แต่การกล่าวอ้างว่าเป็นผลงานตน โดยไม่ให้เครดิตกับสิ่งดีๆที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เคยทำไว้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการขโมยผลงานใช่หรือไม่

สำหรับนโยบาย Medical Hub ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ริเริ่มในปี 2556 และเริ่มดำเนินการเรื่อยมา โดยกำหนดแนวทางการพัฒนา Medical Hub เป็น 4 ด้าน คือ

  1. เป็นศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub)
  2. เป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพ (Medical Service Hub)
  3. เป็นศูนย์กลางการศึกษา วิชาการและงานวิจัย (Academic Hub)
  4. เป็นศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Product Hub)

ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ด้วยการริเริ่มโครงการ Medical hub อย่างมีวิสัยทัศน์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ทำให้ประเทศไทยติดอันดับ 5 ของโลก ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ถูกยึดอำนาจในปี 2557 โครงการนี้ก็จะประสบความสำเร็จในปี 2561 ตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เพิ่งจะมาให้ความสำคัญในช่วงใกล้เลือกตั้งนี้

“พลเอกประยุทธ์ต้องสะกดคำว่า Fair play และไม่เอาเปรียบนักการเมืองคนอื่นให้เป็น คือเป็นผู้เล่นที่เล่นตามกติกา และยุติธรรม การเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะมีเสียง ส.ว.มาหนุนหลังโหวตให้ ก็ถือเป็นความอยุติธรรมทางการเมืองอยู่แล้ว ดังนั้นในระหว่างอยู่ในตำแหน่งอีกไม่กี่เดือน ต้องไม่มีการเอาเปรียบนักการเมืองจากพรรคอื่น ควรมีใจที่เป็นธรรม และควรรู้จักพอ ประเทศไทยเดินหน้าโดยไม่ต้องมีพลเอกประยุทธ์” ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าว