‘ชญาภา’ กระตุกต่อมสำนึก ‘ประยุทธ์’ ตั้งคนพรรคใหม่ตัวเองเป็นข้าราชการการเมือง ไร้มารยาท ผลประโยชน์ทับซ้อน ‘ผลัดกันเกาหลังทางการเมือง’ ปชช.รอพิพากษาวันเลือกตั้ง

นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติแต่งตั้งนายสยาม บางกุลธรรม รองเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตยานนาวา พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เป็นข้าราชการการเมืองในตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นปรากฎชัดเจนว่า ยิ่งนานวัน รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ยิ่งทำสิ่งที่ไร้มารยาททางการเมือง ต่อมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทางการเมืองไม่ทำงาน นอกจากจะล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองแล้ว ยังสร้างความไม่ไว้วางใจให้กับพี่น้องประชาชนซ้ำๆ ทั้งที่เหลือเวลาในการทำงานไม่ถึง 2 เดือน แต่ยังเดินหน้าแต่งตั้งคนในพรรคที่ตนเองสังกัดมาทำงานรอบกาย

นางสาวชญาภา กล่าวอีกว่า โดยปกติการแต่งตั้งบุคคลมาช่วยทำงาน จะแต่งตั้งหลังจากที่มีการเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ แต่พลเอกประยุทธ์ แต่งตั้งคนในพรรคที่สังกัดมาดำรงตำแหน่งในรัฐบาล เพื่อไปสู้ศึกเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมืองหรือไม่ จากที่ก่อนหน้านี้ได้แต่งตั้งนายนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช.เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงอดคาดเดาไม่ได้ว่าหลังจากนี้ คนที่เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าพรรคที่นายกรัฐมนตรีสังกัดอยู่ จะตั้งพลเอกประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรค รทสช. หรือเรียกว่าเป็นการ ‘ผลัดกันเกาหลังทางการเมือง’ ซึ่งหากเป็นบุคคลที่มีความละอายทางการเมือง จะไม่ทำเช่นนี้ แต่พลเอกประยุทธ์กล้าทำในหลายเรื่อง เช่น

1.พลเอกประยุทธ์รัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ในปี 2557 มีความผิดฐานกบฎ แต่นิรโทษกรรมตัวเองไม่ให้รับผิด

2.พลเอกประยุทธ์เป็นผู้นำเผด็จการรัฐบาลทหารกว่า 4 ปีไม่พอใจ ยังวางหมากทางการเมืองหวังจะสืบทอดอำนาจต่อ โดยสรรหา ส.ว. เพื่อโหวตให้ตัวเองเป็นนายกฯต่อ
รัฐธรรมนูญ เป็นฉบับสืบทอดอำนาจ

3.พลเอกประยุทธ์อยู่บ้านพักฟรี ค่าน้ำค่าไฟฟรีจากภาษีประชาชน

4.พลเอกประยุทธ์ไม่รับผิดชอบในคำพูดตัวเองบ่อยครั้ง เช่น ใช้อำนาจมาตรา 44 ปิดเหมืองทองอัครา บอกจะรับผิดชอบเอง แต่สุดท้ายเอาเงินภาษีประชาชนจ่ายค่าทนายหลายร้อยล้านบาท

5.พลเอกประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกพรรคพลังประชารัฐ แต่สมัครเป็นสมาชิก รทสช.เพื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกพรรคหนึ่ง โดยไม่สนว่าจะมองอย่างไร

6.มีกระบวนการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้พลเอกประยุทธ์อยู่เกิน 8 ปี โดยไม่ตระหนักถึงความเสียหายและล้มเหลวที่พลเอกประยุทธ์ได้สร้างไว้

“เมื่อคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า พลเอกประยุทธ์เป็นตัวการที่ทำให้การเมืองไทยย้อนยุคตกต่ำ การเมืองแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาฟื้นคืนชีพ ไม่แปลกใจ ที่มีการทุจริตคอร์รัปชันเบ่งบาน ธุรกิจสีเทาเฟื่องฟู ยาบ้าถูกกว่าลูกอม
ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันประเทศไทยในปี 2564 ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อยู่อันดับที่ 110 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่รัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในอันดับที่ 59 ซึ่งดีกว่ารัฐบาลนี้เท่าตัว นี่คือบาปทางการเมืองที่รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาแก้ไขสิ่งที่รัฐบาลคนดีทิ้งเอาไว้ ตอนนี้พี่น้องประชาชนรอวันชำระสะสางการเมืองที่สิ้นหวังแบบนี้ พลเอกประยุทธ์จะพยายามยืดเวลาให้ตัวเองอยู่ในอำนาจนานเท่าไหร่ก็ตาม แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งประชาชนจะเข้าคูหาพิพากษาประยุทธ์”
นางสาวชญาภา กล่าว