‘ชญาภา’ ชี้ ตำรวจให้บริการแบบวีไอพี คือปลาตัวเดียวเน่าทั้งข้อง เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งความเหลวแหลกในยุคนี้ เปิดสถิติเดือนเดียวตั้ง กก.สอบไป 6 ชุด แนะแก้ต้นเหตุ

นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สื่อนำเสนอข่าวนักท่องเที่ยวชาวจีนอ้างว่าใช้บริการวีไอพีจากตำรวจไทยพร้อมจ่ายเงินตอบแทนว่า เป็นอีกครั้งที่ตำรวจไทยบางส่วนทำงามหน้าประเทศ เป็นปลาตัวเดียวที่ทำให้วงการสีกากีเน่าไปทั้งข้อง ทำเกียรติภูมิของตำรวจไทยเสียหาย สะท้อนไปถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เหลวแหลก พฤติกรรมของตำรวจบางกลุ่มที่ถูกเปิดโปง ต้องยอมรับว่าหากหัวไม่สั่นหางคงไม่กระดิกใช่หรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่สั่นคลอนระบบราชการภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องรับผิดด้วย อย่ารับแต่ชอบ

ที่ผ่านมา กี่กรณีแล้วที่พลเอกประยุทธ์ ปล่อยปละละเลยให้ธุรกิจสีเทาและทุนจีนสีเทาเฟื่องฟู ยาเสพติดระบาดเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ระบบการส่งส่วยที่รับเงินสดแบบไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เมื่อตรวจพบแต่ละครั้งก็ทำได้แค่ย้ายเข้ากรุ ตั้งคณะกรรมการสอบ โดยภายในเดือนมกราคม 2566 เพียงเดือนเดียวพบว่ามีการตั้งกรรมการสอบหน่วยงานของรัฐไปแล้ว 6 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการตรวจสอบกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง, กรณีพบส่วยในห้องทำงานข้าราชการระดับสูงกรมอุทยาน, กรณีตำรวจ 191 เรียกทรัพย์หลังค้นบ้านทุนจีนสีเทา, กรณีดีเอสไอกรณีเรียกทรัพย์ค้นบ้านทุนจีนสีเทา, กรณีเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ, กรณีช่วยเหลือคดีตู้ห่าว ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเดือนเดียว ซึ่งเพิ่มเติมจากเรื่องเก่าที่ยังไม่มีความคืบหน้า อย่างเรื่องเงินบริจาคของนายตู้ห่าวที่บริจาคให้พรรคพลังประชารัฐ จึงไม่อยากประเมินสถานการณ์ไปถึงอนาคตว่าประเทศไทยจะมีการตั้งคณะกรรมการไปอีกกี่ชุด ทั้งที่การแก้ไขที่ต้นเหตุสามารถทำได้ด้วยการมีผู้นำที่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา และเอาจริงเอาจังในการปราบปรามการทุจริตทุกรูปแบบมากกว่านี้ แต่พลเอกประยุทธ์กลับละเลย ฉายา 8 ปีที่ 8 เปื้อน ที่สื่อตั้งให้คงสมฉายาแล้ว

นางสาวชญาภา กล่าวว่า การบริหารประเทศในช่วง 8 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2557 พลเอกประยุทธ์ใช้อำนาจพิเศษ มาตรา 44 ปกครองประเทศมา 5 ปีโดยไร้การตรวจสอบ ยังปล่อยปละละเลยกรณีทุนจีนสีเทาของนายตู้ห่าวจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายบริหารจะไม่รับรู้

“รัฐธรรมนูญปราบโกง รัฐธรรมนูญคนดี มาถึงวันนี้บ้านเมืองเต็มไปด้วยธุรกิจสีเทา ยาเสพติดระบาด แต่เหมือนพลเอกประยุทธ์จะไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยังง่วนกับการสร้างพรรค หวังอยากอยู่ในอำนาจต่อไปอีก ยังไม่ยอมตรวจสอบกรณีที่บริษัทของหลานชายได้งานของรัฐจำนวนมาก ถือเป็นการเมืองที่ไร้ความรับผิดชอบ ไร้ประสิทธิภาพ นี่หรือคือการเมืองที่พลเอกประยุทธ์เพรียกหา ซึ่งล้มเหลวสิ้นเชิง” นางสาวชญาภา กล่าว