“เพื่อไทย” ชี้ ส่งออก อาการหนัก ติดลบ 3 เดือนติด แนวโน้มส่งออกปี 66 ติดลบ ห่วง ค่าเงินบาทแข็ง ดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งออกจะยิ่งทรุด แนะ ดูแลค่าบาทและเร่งสร้างความมั่นใจนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การส่งออกของไทยในเดือนธันวาคมปีที่แล้วลดลงมาก โดยติดลบไปถึง -14.6 % ซึ่งเป็นการส่งออกติดลบติดกันเป็นเดือนที่ 3 โดยเดือนตุลาคมส่งออกติดลบ -4.4% เดือนพฤศจิกายนส่งออกติดลบ – 6.0% และมาติดลบหนักในเดือนธันวาคม ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้ก่อนแล้ว
การติดลบ 3 เดือนติดในปลายปีที่แล้ว ส่งสัญญาณน่ากังวลและจะส่งผลให้โอกาสที่การส่งออกทั้งปี 2566 นี้ติดลบได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ ที่ไม่น่าจะคาดหวังจากการส่งออกได้ คงได้แต่คาดหวังแต่การท่องเที่ยวเท่าเที่ยวเท่านั้น อีกทั้ง เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ และมีโอกาสถดถอยสูงขนาด ธนาคารโลกยังปรับลดการคาดประมาณเหลือเพียง 1.7% จาก 3% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยวของไทยด้วย
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วจะยิ่งทำให้ราคาสินค้าไทยแพงขึ้น และมีผลกระทบซ้ำเติมกับการส่งออก ซึ่งอยากให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แข็งค่าเกินไป เพื่อส่งเสริมให้การส่งออกดีขึ้น อีกทั้งภาวะอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ต่างจากของสหรัฐอเมริกามาก และดอกเบี้ยของไทยก็เริ่มปรับขึ้น โดยล่าสุด ธปท. เพิ่งปรับขึ้นอีก 0.25% เป็น 1.5% ก็อาจส่งผลกระทบให้ค่าบาทแข็งค่าขึ้น การส่งออกอาจจะยิ่งลดลง
ปัญหาหลักที่การส่งออกลดลง น่าจะมาจากการที่การลงทุนของไทยหดหายและลดลงมาตลอดตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้ประเทศไทย ขาดทิศทางอนาคตว่าประเทศไทยจะมีทิศทางเศรษฐกิจอย่างไร อะไรจะเป็นอุตสาหกรรมของไทยในอนาคต ในขณะที่อุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิมได้ล้าสมัยและเสื่อมถอยแล้ว ดังนั้นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้จะต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้การลงทุนของไทยเพิ่มมากขึ้นและมีทิศทางอนาคตของประเทศที่ชัดเจน