“สงวน”ชี้ “ประยุทธ์”ใช้ความอยุติธรรมทำลายสังคมไทย อัดใช้อำนาจเป็นกฎหมาย จัดการคนเห็นต่างยัดคดีให้เยาวชนติดคุกจำนวนมากจนผิดปกติ

นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยภายหลังการรัฐประหาร สิ่งที่เปลี่ยนไป คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม มีอำนาจมากมาย พบว่าตั้งแต่ยึดอำนาจมาพลเอกประยุทธ์ ใช้อำนาจเป็นกฎหมายมาโดยตลอด โดยในขณะนั้นอาศัยอำนาจหัวหน้าคณะรัฐประหาร ไปทดแทนกฎหมายทุกฉบับ สามารถจัดการภายในองค์กรต่างๆให้เป็นไปตามที่ตัวเองกำหนด วางคนของตัวเองคุมหน่วยงานสำคัญของประเทศ แม้ประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แล้วพลเอกประยุทธ์ก็ไม่คืนอำนาจให้กับประชาชน

นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ใช้ศูนย์ดำรงธรรมที่กำกับดูแลโดยกองทัพบกขับเคลื่อนสังคมไทย และใช้ขบวนการของกองทัพบกมาเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดิน การบริหารประเทศตกไปอยู่ในอำนาจกองทัพ ผ่านสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช. ทั้งเศรษฐกิจสังคม ต้องรอให้สมช.อนุมัติ ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มที่เห็นต่างกับรัฐบาลจึงเป็นความต้องการของพลเอกประยุทธ์ มีการใช้กฎหมายมาตรา 112 และมาตรา 116 ในการจับ กุมกลุ่มคนที่เห็นต่าง มีการใช้กฎหมายทุกมาตราจับกุมประชาชนเป็นจำนวนมาก ที่น่าประหลาดใจคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอ้างกฎหมายจับกุม เยาวชนอายุไม่ถึง 15 ปี ซึ่งเป็นความผิดปกติของสังคมไทย

นายสงวน กล่าวด้วยว่า เมื่อมีการกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหาจำเป็นต้องหาหลักฐานมาแก้ต่างให้ตัวเอง แต่หากไม่ได้รับการประกันตัว ทำให้โอกาสในการหาหลักฐานมาต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมจึงยากมาก ดังนั้นการเรียกร้องให้มีการประกันตัว จึงเป็นสิ่งที่สังคมไทยเข้าใจ และอยากจะมีส่วนร่วมกับผู้ถูกกระทำ กรณีที่เกิดขึ้นกับนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ นางสาว อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม นักกิจกรรมทางการเมือง ที่กำลังรักษาตัวอยู่ ในขั้นวิกฤติที่โรงพยาบาล เป็นตัวอย่างของการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน

“ปัญหาดังกล่าวสามารถหาทางออกได้ หากผู้มีอำนาจในปัจจุบันไม่มองประชาชนคนเห็นต่างจากพลเอกประยุทธ์เป็นศัตรู การใช้อำนาจเป็นกฎหมาย เพื่อกำจัดคนที่เห็นต่างกับรัฐบาล ต่างจากนักการเมืองทั่วไปที่มองว่าความเห็นต่างทางสังคมเป็นความสวยงาม และจบที่คูหาเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสิน ต่างจากพลเอกประยุทธ์ที่ใช้อำนาจตัวเองเป็นกฎหมาย ดำเนินการกับคนที่เห็นต่าง ดังนั้นพลเอกประยุทธ์กำลังวางระเบิดเวลาให้ตัวเอง กำลังทำให้ ประชาชนมองว่ารัฐบาลนี้สร้างความ อยุติธรรมให้กับสังคมไทย เมื่อความ อยุติธรรม กลายเป็นกฎหมาย การต่อสู้จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน” นายสงวน กล่าว