‘ปานปรีย์’ นำทีมเพื่อไทยพบผู้ประกอบการอัญมณีฯ ยัน ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ พร้อมสร้างงาน – สร้างตลาด – สร้างรายได้ ฟากเอกชนโอด 8 ปีที่ผ่านมาอยู่อย่างทรมาน ยันเลือกตั้งครั้งนี้เปลี่ยนประเทศ มั่นใจเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแน่

(31 มีนาคม 2566) พรรคเพื่อไทย นำโดย ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษก คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กทม. นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ กรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นายนิกร ซัจเดว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก. เขตบางรัก พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้แก่ นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ นายอรรฆรัตน์ นิติพน นายนวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เข้าพบปะ หารือ ผู้ประกอบการอัญมณี สมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) ที่อาคาร Jewely Trade Center ถ.สีลม

นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ได้ด้วยการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60-70% สินค้ากลุ่มอัญมณีสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท สร้างการจ้างงานนับล้านตำแหน่ง แต่ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ทรมานผู้ประกอบการอัญมณีเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้นำเสนอทางออกข้อเสนอแนะ แต่รัฐบาลไม่รับฟัง เพราะไม่มีการกระจายอำนาจ การตัดสินใจรวมศูนย์ที่คนเดียว

ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อยากเสนอให้ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก ซึ่งไทยมีศักยภาพหากได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างดีเพียงพอ นอกจากนี้สมาพันธ์อัญมณีฯ เคยเสนอรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลดภาษีนำเข้าอัญมณี 20% เพื่อให้ผู้ประกอบการมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะนั้นสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจอัญมณีในประเทศได้เป็นอย่างมาก ส่งผลให้แรงงานฝีมือมีรายได้ที่มากขึ้นด้วย

“ความหวังของผู้ประกอบการ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเปลี่ยนประเทศไทย เป็นโอกาสของภาคประชาชนที่จะได้รู้ว่าปากกามีราคาอย่างไร ผมมั่นใจหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ การค้า จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะผู้นำจะนำพาผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มไปโรดโชว์ต่างประเทศพร้อมกัน ผมอยากเห็นผู้นำที่สร้างความเชื่อมั่นในระดับโลก อยากให้ดูรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา ยืนยันทุกรัฐบาล ทั้งรัฐบาล ดร.ทักษิณ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ รับฟังเรา วันนี้เราถูกบีบจนหายใจไม่ออก” นายสมชาย กล่าว

นายชมพล พรจินดารักษ์ อุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่า ขอเสนอแนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีไทย หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ได้แก่

1.รัฐอย่าขัดขวางผู้ประกอบการ กฎระเบียบ ต้องสนับสนุนผู้ประกอบการ เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการได้สร้างความแข็งแกร่งด้วยตัวเอง

2.รัฐอย่าเป็นคู่แข่งของเอกชน เนื่องจากที่ผ่านมาในการจัดแสดงสินค้าต่างๆ รัฐเป็นผู้จัดงานแบบไม่มีความรู้ความเข้าใจ เช่น จัดงานในลักษณะ Business to Business (B2B) แต่นำนักเรียน นักศึกษา มาดูงาน ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ ไม่สามารถสร้างยอดซื้อ และยังเป็นการนำภาษีมาใช้โดยเปล่าประโยชน์

“ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีของไทยขาดโอกาส เพราะหลายธุรกิจถูกผูกขาดโดยรายใหญ่ มีปัญหาด้านสังคมในแวดวงราชการ จากปัญหาเชิงวัฒนธรรมของผู้ที่ถืออำนาจในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมาที่สร้างปัญหาให้กับประชาชน แต่ในวันนี้ดีใจทีาพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอนโยบายหลายด้าน อย่างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเสียดายโครงการ 2 ล้านล้านบาท ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นอย่างมาก ดีใจที่หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะนำกลับมาอีกครั้ง คำพูดที่ว่า เวลามีค่า หลายคนคงได้รับรู้แล้วในวันนี้” นายชมพล กล่าว

นางสาวศิริอาภา พรจินดารักษ์ รองประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบสล อยากผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกอัญมณีของโลก ซึ่งสมาพันธ์อัญมณีฯ พยายามผลักดันมานาน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากรัฐบาล เพราะการงานแฟร์ด้านอัญมณี หรือด้านอื่นๆ ได้ประโยชน์หลายภาคส่วน ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การบริการ ซึ่งไทยมีจุดเด่นในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า การบริการดีกว่า เมื่อเทียบกับต่างประเทศ แต่รัฐบาลไม่เคยส่งเสริม

ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สินค้าสำคัญของไทย เป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียง สร้างหน้าตาให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก เวลานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้ซื้อนิยมมาซื้ออัญมณีในไทยมากขึ้น หากจีนและอินเดียเติบโต จะทำให้อาเซียนเติบโตตามไปด้วย อยากให้ภาคเอกชนร่วมกันทำงาน หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมเข้าไปสนับสนุนเต็มที่ ทั้งอุตสาหกรรมอัญมณี และคนทำงานทุกด้าน รวมทั้งช่างฝีมือที่ยังรายได้น้อย อยากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนมากขึ้น

ทั้งนี้ในปัจจุบัน เอสเอ็มอีมีปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากสมาพันธ์อัญมณีฯ สามารถออกใบรับรองเอสเอ็มอี ในลักษณะเป็นกลุ่ม จะช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสามารถเพิ่มศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดในประเทศและตลาดโลกได้ ส่วนด้านการส่งออก รัฐบาลมีความสำคัญอย่างมากในการจัดหาตลาด เพื่อแนะนำศักยภาพของอัญมณีไทย

ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทีมงานของพรรคเพื่อไทยมีนฌยบายแบ่งการทำงานหลายคณะ 15 คณะ ดูเรื่องที่แตกต่างกัน ทั้งเอสเอ็มอี ซอฟพาวเวอร์ ฯลฯ นโยบายของเราเอสเอ็มอีของไทยต้องได้รับการแก้ไขโดยเฉพาะการดูแลจากภาครัฐ และ กม ต่างๆ ที่ต้องดูแล เป้ฯฝ่ายค้านมานาน 8 ปี เราอยากแก้ไขจริงๆ อยากให้เชื่อมั่นว่าภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย จะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการได้ เราเข้าใจประชาชนมากกว่ารัฐบาลทหาร อยากให้มอบความมั่นใจให้พรรคเพื่อไทย

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษก คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แนวทางของพรรคเพื่อไทยในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ หรือ A new chapter of thailand มี 5 ด้าน ได้แก่

1.A new chapter of Thailand of Investment ไทยจะกลายเป็นประเทศเปิดเชื่อมโลก ผ่านการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่จะเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนประเทศ ประเทศไทยจะกลายเป็น FDI intensive country ในบริบทใหม่ที่ต่างจากเดิม ด้วยการเปิดโอกาสให้กับเอสเอ็มอี ทั้งต้นทุน การจ้างงาน กฎหมายและการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ โดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อของเอสเอ็มอี ผ่านการค้ำประกันสินเชื่อภาครัฐ รวมถึงการดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ จะมีการเปิดเขตธุรกิจใหม่นำร่อง 4 แห่ง ได้แก่ กทม. ขอนแก่น หาดใหญ่ เชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นการยกเว้นมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีรายได้ และภาษีนิติบุคคล

2.A new chapter of Thailand of Digital economy ระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่

3.A new chapter of Thailand of Logistic ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินด้วยโมเดล Multi Airport หลายสนามบินต้องทำงานร่วมกัน การใช้บริการสนามบินต้องไม่กระจุกตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว รถไฟความเร็วสูง เชื่อมเขตธุรกิจใหม่ผ่านทางรถไฟเชื่อมต่อลาว เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น

4.A new chapter of Thailand of Education เชื่อม 3 ฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา เข้าด้วยกัน เอกชนจะมีส่วนร่วมในการกำหนดหลักสูตรมากขึ้น โดยเรามีแนวคิดสนับสนุนการออกใบรับรองความเชี่ยวชาญที่มีมาตรฐาน (Certificate) แทนใบปริญญา เพื่อให้ได้ต่าตอบแทนที่สูงขึ้น

5.A new chapter of Thailand of Tourism เรามองตลาดใหม่ๆ อย่างนักท่องเที่ยวอินเดีย ดึงดูดเข้ามาในประเทศ และจะให้ความสำคัญกับการจัดมหกรรมระดับโลก ทั้งนำมหกรรมต่างประเทศมาจัดในไทย และเทศกาลในไทยให้มีความเป็นสากลมากขึ้น

นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กทม. กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะนำโครงการ ‘กรุงเทพเมืองแฟชั่น’ เพื่อยกระดับกรุงเทพมหานครให้เป็นจุดหมายปลายทางของแฟชั่นหลากหลายสาขา ทั้ง เสื้อผ้า อัญมณี เครื่องประดับ ฯลฯ เราจะศึกษาความเป็นไปได้ในการลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมในไทย เพื่อแย่งชิงตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มชอปปิงจากเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ฮ่องกง จากเดิมที่ประเทศไทยเป็นประเทศแห่ง Sea Sand Sun จะเพิ่มเรื่องการจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น จะเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาให้ได้เทียบเท่าก่อนช่วงการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้การลดภาษีบางรายการ จะทำให้เงินใต้โต๊ะหายไปด้วย

ภายหลังการหารือ พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ผู้แทนจากสมาพันธ์อัญมณีฯ พร้อมคณะของพรรคเพื่อไทย ได้เยี่ยมชมร้านค้าจำหน่ายอัญมณีภายในอาคาร Jewely Trade Center ด้วย