“วิสาร”เฮลั่นศาลยกฟ้องเหตุอภิปรายทุจริตโครงการไบโอเมตตริก ชี้ทำหน้าที่สุจริตติชมด้วยความเป็นธรรมหวังปกป้องผลประโยชน์ชาติ

นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงศาล จังหวัดธัญบุรีบัลลังก์ 11 ได้นัดไปฟังคำพิพากษาในคดีที่นางสาววัชรี พรรณเชษฐ์และบริษัท เอ็มเอสซีสิทธิผล จำกัดกับ ร่วมกันฟ้องนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ข้อหาหมิ่นประมาทพร้อมเรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน ในกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในประเด็นส่อการทุจริตเอื้อประโยชน์ การจัดซื้อจัดจ้างวางระบบ biometric หรือโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี(ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) งบประมาณ 2,126,000,000 ล้านบาท ซึ่งมีการส่งมอบงานล่าช้าแต่ไม่มีการปรับ เครื่องไม่มีประสิทธิภาพ ราคาสูง มีการเปลี่ยนยี่ห้อกล้องหลังจากทำสัญญาแล้ว

โดยมีการอภิปรายพาดพิงถึงโจทก์ทั้งสองและภรรยาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งศาลธัญบุรีพิเคราะห์หลักฐานแล้วพิพากษาว่า เนื้อหาของ การอภิปรายดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริงหาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยสร้างขึ้นมาเองเพื่อใส่ความโจทก์ทั้งสองแต่อย่างใดแม้มีการกล่าวพาดพิงไปถึงโจทก์ทั้งสองก็ตามแต่เป็นการตั้งข้อสังเกตในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้นเมื่อตรวจสอบพบหลักฐานความไม่ชอบมาพากลของโครงการดังกล่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหารของนายกรัฐมนตรีย่อมชอบที่จำเลยจะแสดงความคิดเห็นได้โดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งจำเลยเป็นผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนของประชาชน ย่อมมีหน้าที่ต้องตรวจสอบและรักษาผลประโยชน์ของประชาชน หาใช่เป็นการจงใจ ใส่ความโจทย์ทั้งสองให้ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (3 )พิพากษายกฟ้อง

นายวิสาร กล่าวด้วยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการทำหน้าที่ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรฝ่ายค้าน ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ดังนั้นเมื่อพบว่า โครงการการจัดซื้อจัดจ้างวางระบบ biometric มีความไม่ชอบมาพากล อาจจะส่งผล กระทบกับประสิทธิภาพและเสียงบประมาณแผ่นดินโดยไม่จำเป็น จึงได้นำเรื่อง ดังกล่าวไปการอภิปรายในสภาเพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่อาจจะก่อให้ เกิดความเสียหายได้ และเป็นการกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ

“ต้องขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน และสามารถหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นมาได้ หลังจากนี้คงรอคำพิพากษาทั้งฉบับจากศาล เพื่อให้ทนายความตรวจสอบ ซึ่งหากพบความไม่ชอบมาพากลในการฟ้องของนางสาววัชรี พรรณเชษฐ์และบริษัท เอ็มเอสซีสิทธิผล จำกัด หากพบก็พร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เพื่อปกป้องการทำหน้าที่และพิสูจน์ให้ความจริงกระจ่างในที่สุด” นายวิสาร กล่าว