เพื่อไทยโต้ดีลลับไม่มีจริง ‘ชลน่าน’ ยันไม่มีวันทรยศประชาชน เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลร่วมไม่หวั่นข่าวลือ ทำสังคมสับสน

(29 พ.ค.66) เวลา 15.30 น. พรรคเพื่อไทยนำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงในหลายประเด็น ดังนี้

1.กรณีข้อเสนอของเสื้อแดง FC ยื่นหนังสือต่อพรรคเพื่อไทย ในข้อเสนอที่ 1 ที่ขอให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีมติและได้เคยประกาศชัดเจนว่า เรายืนยันเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาลรวม 8 พรรคที่ได้ทำ MOU ร่วมกัน

นายแพทย์ชลน่าน ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยน้อมรับความต้องการของพี่น้องประชาชนที่มีมติมหาชน 25 ล้านเสียง ที่เลือกพรรคก้าวไกล 14 ล้านเสียงและเลือกพรรคเพื่อไทย 10.8 ล้านเสียง ที่มุ่งหวังให้รัฐบาลที่เกิดจากฝ่ายเสรีประชาธิปไตยปิดกั้นการสืบทอดอำนาจจากรัฐบาลชุดเดิมและเรายึดถือเจตจำนงนี้เป็นหลัก และจะสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้ ส่วนข้อเสนออื่นๆ เราดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนข้อ เสนอข้อที่ 5 ว่ากรณีพรรคอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลไม่ได้ และให้พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิพรรคอันดับ 2 รวมเสียงพรรคอื่นๆ จัดตั้งรัฐบาล นำนโยบายมาผลักดันให้เป็นรูปธรรมต่อไป หรือแล้วแต่พรรคจะใช้ดุลยพินิจ เรายืนยันว่าเรายังมีเจตจำนงยึดมั่นจัดตั้งรัฐบาลร่วม 8 พรรค ให้สำเร็จลุล่วงให้ได้ และไม่ได้คาดหวังว่าพรรคก้าวไกลจะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ สถานการณ์ขณะนี้เรามีความมุ่งมั่นจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค ขอขอบคุณที่เสื้อแดง FC เพื่อไทยที่ห่วงใยและกังวลการทำงานร่วมกันกับ 8 พรรค

2.พรรคเพื่อไทยปฏิเสธข่าวดีลลับเตรียมจับมือกับพรรคอีกซีกหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลและผลักพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ตั้งแต่การเลือกตั้งแล้วเสร็จ พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีดีลลับกับใคร มีดีลที่เปิดเผยคือดีลกับ 8 พรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน การเสนอข่าวดีลลับ ต้องถามคนที่นำเสนอจะได้รับคำตอบ หากเป็นดีลลับจริง เหตุใดเขาจึงรู้ได้ เรื่องนี้เราจนใจที่จะตอบเพราะเราไม่รู้จริงๆ

3.พรรคเพื่อไทยปฏิเสธดีลลับที่ถูกตีความจากภาพนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยไปดูฟุตบอลที่อังกฤษแมตสุดท้าย และมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล ปรากฎในภาพ

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า นายเศรษฐาไปให้กำลังใจเจ้าของทีมฟุตบอลซึ่งมีความสนิทสนมกัน มีการนำเสนอข้อมูลไปโยงกับกรณีที่ 2 ว่ามีดีลลับ เสมือนว่ามีดีลลับจริง ทั้งที่นายเศรษฐา มีการประกาศล่วงหน้าเป็นเดือน การดูฟุตบอลเป็นสิทธิเสรีภาพ ยืนยันไม่มีดีลลับระหว่างนายเศรษฐาและนายอนุทิน หากมีดีลลับจริง ไม่จำเป็นต้องบินไปที่อังกฤษ

ทั้งนี้ นายเศรษฐาได้ชี้แจงในทวิตเตอร์ส่วนตัว ข้อความว่า “ผมกับครอบครัว คุณวิชัย สนิทกันมานานหลายปี เมื่อ 7-8 ที่แล้วตอนที่เลสเตอร์ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกผมก็มาร่วมฉลอง วันนี้ เลสเตอร์ แข่งนัดสุดท้ายเพื่อหนีตกชั้น ผมก็ต้องมาให้กำลังใจกัน ในฐานะคนบ้าบอล เรื่องนี้ผมแพลนไว้ก่อนหน้าแล้วเป็นเดือน ส่วนคุณหนู (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ผมรู้จักกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว และบังเอิญเจอกันก็ยิ้ม ทักทายกันตามประสาคนรู้จัก เท่านั้น ไม่มีคุยหรือดีลเรื่องการเมืองใดๆทั้งสิ้น ถ้าจะคุยกันคงไม่ต้องมาถึงอังกฤษมั้งครับ”

4.พรรคเพื่อไทยปฏิเสธดีลลับลังกาวีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวถึง นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า อยากให้ผู้สื่อข่าวสอบถามที่นายชูวิทย์ซึ่งเป็นผู้เปิดเผย ในนามของพรรคไม่มีที่จะไปดีลแบบนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงมีข่าวดีลลับออกมาในช่วงนี้ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เราพยายามดูทุกประเด็น สถานการณ์การเมืองแบบนี้ ย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย จะมีข้อเท็จจริงหรือไม่ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ส่วนไหนเป็นบวก ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ต้องดูว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ในนามพรรคเพื่อไทยที่ถูกกล่าวถึงโดยตรง สิ่งที่เขาพูดมาไม่มีข้อเท็จจริง เราไม่มีพฤติการณ์ พฤติกรรมอย่างนั้นแน่นอน ประชาชน 25 ล้านเสียงเป็นสัญญาณและภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่า ประชาชนตัดสินชัดเจนว่าไม่เอาเผด็จการ ต้องการรัฐบาลประชาธฺปไตย พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เราสองพรรค ตนเชื่อว่ามีจิตสำนึกเรื่องนี้ถึงอาณัติที่พี่น้องประชาชนมอบให้ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราคือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้เจตจำนงของพี่น้องประชาชนบรรลุ ซึ่งเขามุ่งหวังเอาไว้และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากเห็นรัฐบาลจากฝ่ายเสรีประชาธิปไตย จึงมาคืนความสุข คืนโอกาส ที่เคยทุกข์ทรมานมา 9 ปี การออกมาใช้สิทธิ 75% ถือว่ามากล้น และมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการลงคะแนนเสียง สรุปได้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงท่วมท้น เรามองตรงนั้นมากกว่า ข้อกังวล ความกริ่งเกรง ข่าวลอย ข่าวลือ ดีลลับ หักล้างเจตจำนงของพี่น้องประชาชนไม่ได้ เพื่อไทยยืนยันไม่มีวันทรยศพี่น้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดเพื่อไทยทำอะไรก็ถูกพุ่งเป้าโจมตีตลอดเวลา นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ตนมองเป็นเรื่องธรรมดาปกติของการแข่งขัน การต่อสู้ทางการเมือง เพื่อให้ได้ซึ่งอำนาจจากพี่น้องประชาชนจะมีเหตุการณ์แบบนี้ตลอดเวลา ไม่แปลก ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเลือกตั้ง และแม้แต่จะเป็นรัฐบาลไปแล้วจะมีประเด็นนี้เกิดขึ้นตลอดไป เป็นเรื่องธรรมดาของระบบสังคมประชาธิปไตย ความหลากหลายสิทธิเสรีภาพการแสดงความเห็นเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะนำเอาความเห็นมาเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้อย่างไร

สำหรับการหารือในเวที 8 พรรคร่วมรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นการพูดคุยในกรอบการทำงานขับเคลื่อนภารกิจที่เรามองไว้ในอนาคตแบบไร้รอยต่อ ดูกรอบการทำงานและจะได้คุยในรายละเอียดพรุ่งนี้ เวลา 14.30 น.

ส่วนจะมีการพูดคุยตำแหน่งรัฐมนตรีตามโควต้า ส.ส.หรือไม่นั้น นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า หัวข้อเป็นไปในทิศทางการทำงานร่วมกัน มีการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกัน ที่จะทำหน้าที่ดำเนินการช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อให้การทำงานต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดเดิม กรณีที่ได้รับคำแหน่งหน้าที่แล้วให้เป็นไปอย่างรวดเร็วเป็นหลัก

ส่วนการคุยเรื่องตำแหน่ง นายแพทย์ชลน่าน มองว่า ไม่ควรพูดคุยในเวทีพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค เนื่องจากการเจรจาเรื่องของการแบ่งงาน ลักษณะงาน 8 พรรคมีกรอบมาแล้วอยู่ใน MOU เป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำและพรรคร่วมไปพูดคุยกันในรายละเอียดว่าจะแบ่งงานอย่างไร เมื่อได้ข้อสรุปจึงพูดคุยใน 8 พรรคร่วม เรื่องตำแหน่งต่างๆ ยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นทางการ ไม่อย่างนั้นจะเกิดความหลากหลายเนื่องจากคุยกันไม่จบ ในภาวะที่สังคมรอฟังเช่นนี้ หากแปลงข้อเท็จจริงไปในมุมลบ จะกลายเป็นลบ เราพยายามลดข้อกังวลให้กับพี่น้องประชาชน อะไรที่คุยได้จบแล้ว นำมาเสนอเป็นข้อยุติ จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่ควรพูดคุยบนโต๊ะที่ยังไม่จบรวมทั้งการพูดคุยผ่านสื่อที่ยังไม่จบ จะทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความกังวล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำแหน่งประธานสภา จะมีการพูดคุยกันระหว่างสองพรรคหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า คณะทำงานทั้งสองพรรคกำลังประสานงานเพื่อพูดคุยกันอยู่ เหมือนตำแหน่งอื่นๆที่จะพูดคุยระหว่างสองพรรค ทีมเจรจาของพรรคเมื่อเข้าไปพูดคุยได้เสนอแล้ว รับได้หรือไม่อย่างไร จึงนำเข้าสู่คณะกรรมการบริหาร เพื่อประกอบการตัดสินใจแล้วตอบ เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างนานา หากรีบคุยกันให้จบและมีคำตอบ จะดีที่สุด ซึ่งทีมเจรจาพยายามดำเนินการอยู่ มั่นใจว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน