“ทักษิณ ชินวัตร : จาก “แมนฯ ซิตี้” สู่ “ศรีสะเกษ” – บทเรียนฟุตบอลและอนาคตเยาวรุ่นไทย และทำไมต้องซื้อทีมฟุตบอลที่ตัวเองก็ยังไม่รู้จัก?
ระหว่างการหาเสียงช่วย วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย บรรยากาศภายในหอประชุมสโมสรฟุตบอลศรีสะเกษเต็มไปด้วยเอเนอร์จี้อันล้นเหลือ เมื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานผู้ช่วยหาเสียงฯ และ อดีตเจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นเวทีแบ่งปันประสบการณ์ระดับโลกกับนักฟุตบอลเยาวชนในท้องถิ่น โดยมีเรื่องราวที่น่าสนใจตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเขากับวงการฟุตบอล ไปจนถึงแนวคิดการพัฒนาวงการลูกหนังไทย
- จากความฝันสู่การลงทุนระดับโลก
ดร.ทักษิณ เริ่มต้นด้วยการย้อนความหลังว่า หลงใหลในกีฬาฟุตบอลตั้งแต่เด็ก และเมื่อก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ได้ริเริ่มนโยบายส่งเสริมกีฬาในระดับเยาวชนโดยอิงแนวคิดจาก “สปีตซอคเกอร์” ของบราซิล แต่เส้นทางสู่ฟุตบอลระดับโลกของเขา เริ่มต้นเมื่อครั้งที่เกือบได้ซื้อสโมสรลิเวอร์พูล แต่ติดข้อกังวลเกี่ยวกับการพนัน จนกระทั่งโอกาสในการซื้อ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” มาถึง เขายอมรับว่า ในตอนแรกแทบไม่รู้จักทีมนี้ด้วยซ้ำ แต่ด้วยการศึกษาพบว่า แมนฯ ซิตี้ อาจไม่ดังเท่าแมนยูฯ แต่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นไม่น้อยเลยทีเดียว
“ตอนแรกจะซื้อวูล์ฟแฮมป์ตัน แต่เจ้าของดันไปล่องเรือ พอดีเพื่อนแนะนำให้ดูแมนฯ ซิตี้ และที่เหลือก็คือประวัติศาสตร์” ดร.ทักษิณ กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
- บทเรียนจากอะคาเดมีสู่อนาคตเด็กไทย
หนึ่งในประเด็นที่สร้างความสนใจให้กับผู้ฟังคือเรื่อง “ระบบอะคาเดมี” ของแมนฯ ซิตี้ ที่กลายเป็นต้นแบบระดับโลก ทักษิณเน้นว่า การพัฒนาเยาวชนต้องเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนมืออาชีพ และโอกาสทางการเงินที่มั่นคง ตั้งแต่ค่าจ้างระดับเริ่มต้นที่ 5,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ จนเติบโตสู่ซูเปอร์สตาร์ในอนาคต
“ถ้าทุกจังหวัดมีอะคาเดมีฟุตบอลของตัวเอง พร้อมโค้ชที่ดี เด็กไทยก็มีโอกาสแจ้งเกิดในเวทีโลก” ดร.ทักษิณกล่าว พร้อมย้ำว่า การเรียนรู้ในยุคนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน แต่การเรียนรู้ผ่านกีฬาก็เป็นสิ่งสำคัญ
- การพัฒนากีฬาต้องใช้วิทยาศาสตร์
เมื่อถูกถามถึงปัญหาเรื่องสนามและอุปกรณ์ ดร.ทักษิณ ชี้ว่า ปัจจัยสำคัญอีกประการคือ “วิทยาศาสตร์การกีฬา” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเด็กไทยให้ก้าวสู่ระดับโลก “เราต้องมีเครื่องมือและการฝึกซ้อมที่ใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย ตั้งแต่กายภาพบำบัด การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ไปจนถึงการฟื้นฟูร่างกายอย่างถูกต้อง” ดร.ทักษิณ กล่าวตอบ
- “ศรีสะเกษพร้อมลุย”
ดร.ทักษิณ ปิดท้ายด้วยกำลังใจและคำมั่นสัญญาว่า ศรีสะเกษมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางของวงการฟุตบอลไทย พร้อมส่งเสริมให้เด็กๆ ได้มีโอกาสแสดงความสามารถ “เห็นทีมฟุตบอลที่นี่แล้วดีใจ ทุกคนเอาจริงเอาจัง เชื่อว่าหากได้รับการสนับสนุนที่ดี เด็กอีสานจะไปไกลได้แน่นอน”
การพูดคุยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวของอดีตนายกฯ ผู้ชื่นชอบในกีฬาฟุบอล แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างอนาคตใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย
ความฝันที่จะเห็นเยาวชนไทยก้าวไกลในเวทีโลกอาจไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม
ถ้าเราลงมือทำตั้งแต่วันนี้…..
#พรรคเพื่อไทย #ฟุตบอลไทย #นายกอบจศรีสะเกษ #ศรีสะเกษที่ดีกว่า