พรรคเพื่อไทย นำโดย นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรค  นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค พร้อมด้วย สส. พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวที่รัฐสภาถึงเหตุการณ์สภาล่มเป็นวันที่ 2

พรรคเพื่อไทย นำโดย นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรค  นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค พร้อมด้วย สส. พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวที่รัฐสภาถึงเหตุการณ์สภาล่มเป็นวันที่ 2 ว่า เหตุการณ์การประชุมสภาล่มครั้งนี้ได้ทำให้องค์ประกอบที่จะสามารถส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความได้นั้น ได้เกิดขึ้นครบแล้ว  เนื่องจากการส่งศาลวินิจฉัยในคราวที่แล้วและศาลรัฐธรรมนูญตีตกเพราะศาลอ้างเหตุว่ายังไม่ได้เกิดข้อข้อแย้งขึ้น แต่วันนี้สมาชิกสภาเกิดความเห็นต่างเป็นสองฝ่าย กระบวนการเดินหน้าไม่ได้เพราะเกิดความขัดแย้งชัด จึงครบองค์ประกอบที่จะสามารถทำเป็นญัตติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ และเมื่อเมื่อศาลรัฐธรรมนูญตีความให้ชัดเจนก็จะทำให้ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างในสภาวันนี้ เดินหน้าต่อไป  แต่ถ้าเราฝืนพิจารณาต่อไปจนถึงขั้นรับหลักการ ญัตติถูกตีตก ก็จะไม่สามารถเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในสมัยประชุมนี้ได้อีก

.

นายสุทิน คลังแสง กล่าวว่าวันนี้ เหตุการณ์ที่เกิดในสภา เป็นการทำงานต่อเนื่องจากเมื่อวาน โดยการรักษาจุดยืนและเป้าหมายของเราตั้งแต่เมื่อวาน โดยวันนี้จะต้องทำต่อให้สำเร็จ เป้าหมายที่ว่าคือเราจะรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไว้ในสภา ไว้ให้นานที่สุด จะไม่ยอมให้ตก 

.

แต่วันนี้ก็มีท่าทีว่า จะมีการเปิดประชุมร่วมเพื่อพิจารณาต่อ ซึ่งก็รู้คำตอบกันทุกคนว่า ถ้าพิจารณาแล้วมีการลงมติก็จะตก  เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีจุดยืนที่จะรักษาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้ เพื่อหาลู่ทางในการแก้ไขให้สำเร็จในอนาคต การรักษาไว้วันนี้คือ ไม่ให้มีการพิจารณา ดังนั้น เราจึงต้องทำในสิ่งที่เราไม่อยากกระทำคือ การไม่เป็นองค์ประชุม 

.

และในที่สุด การประชุมก็ดำเนินตามนี้ เมื่อพิจารณาไม่ได้ ญัตติร่างแก้ไขฯ ก็ยังอยู่  และถ้าร่างนี้ยังอยู่ เราจะทำอย่างไรต่อ เราก็จะยื่นหรือพยายามนำไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความอีกครั้งหนึ่งให้ได้  เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ให้ค้างอยู่ในวาระเฉยๆ แต่ให้ค้างไว้ เพื่อให้พยายามส่งให้ศาลตีความ    

.

ถามว่าทำไมมีความพยายามยื่นให้ศาลตีความ จึงต้องพูดอีกครั้งหนึ่งว่า มีคนไม่เข้าใจหลายคนและบางพรรคก็พยายามจะไม่เข้าใจ 

.

ผมเรียนว่า การแก้ไข รธน.ที่มันยุ่งยากขณะนี้ จนทำให้โอกาสจะไม่สำเร็จ มันเกิดจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ชัดเจน พอไม่ชัดเจนแล้ว ก็มีหลายฝ่ายหยิบยกไปตีความเข้าข้างตัวเอง ฝ่ายที่ไม่อยากแก้ ก็ได้ที ก็นำไปอ้างเข้าข้างว่า ศาลพิจารณาอย่างนี้แล้วแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ถ้าจะแก้ต้องทำประชามติจะกี่ครั้งก็ว่าไป  นั้นคือความไม่ชัดเจนคลุมเครือนำไปเป็นความชอบธรรมให้ตนเอง จนเกินเลยถึงขั้นข่มขู่สมาชิกที่จะเข้าร่วมพิจารณาอาจถูกดำเนินคดีถูกถอดถอน ทำให้สมาชิกรัฐสภาบางคนวิตกกังวล

.

อีกฝ่ายที่อยากแก้ เช่นพรรคเพื่อไทย เราก็ตีความว่า แก้ได้ โดยทำประชามติ  2 ครั้ง เราจึงยื่นร่างขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พอยื่นเข้ามา กลายเป็นความคลุมเครือเดินหนัากันต่อไม่ได้   สมมุติวันนี้ เราเดินหน้าไปจนโหวต แล้วญัตติตก เราก็ต้องรอไปสมัยหน้าถึงจะยื่นใหม่ได้ พอยื่นก็จะเจอความคลุมเครือนี้และเดินหน้าไม่ได้อีก 

.

ดังนั้น วิธีการที่จะแก้ความคลุมเครือในมุมมองเราคือ ก็ทำให้การวินิจฉัยนี้ชัดเจนเสียที  ชัดเจนอย่างไร ถ้าศาลบอกว่า ให้ทำประชามติ 3 ครั้ง ก็ชัดเจนเราก็จะได้เริ่มต้นเดินหน้าทำประชามติ (ซึ่งต้องรอกฎหมายประชามติ) ถ้าเราเริ่มแบบนี้ มันก็ได้จุดเริ่มต้นตามที่ศาลว่า โอกาสความสำเร็จก็มองเห็น แต่ถ้าศาลบอกว่าทำประชามติ 2 ครั้ง ญัตติที่ค้างอยู่ในสภาเราก็สามารถเดินหน้าต่อได้เลย ความสำเร็จก็จะมองเห็นได้

.

เพราะฉะนั้น การที่เราพยายามเอาร่างรัฐธรรมนูญ ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ มันจะเป็นการคลี่คลายความดำมืดคลุมเครือให้คลี่คลาย ให้ทุกฝ่ายเดินหน้า และมากกว่านี้ ถ้าศาลวินิจฉัยชัดว่า ทำ 2 ครั้งเท่านั้น เราก็จะได้เห็นว่าฝ่ายที่ไม่อยากแก้และอ้างเข้าข้างตัวเองว่าอย่าแก้ ก็จะทำให้เห็นว่าคนที่ค้าน ไม่ว่าจะพรรคและสส. ที่บอกว่าแก้ รธน.ไม่ได้ จะมาร่วมแก้กับเราไหม เมื่อศาลพูดมาเช่นนี้ ประชาชนจะเห็นชัด

.

ดังนั้น ทางตันที่จะผ่า เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ก็คือให้ศาลวินิจฉัย

.

บางพรรคที่บอกว่า ก็เคยยื่นไปแล้วศาลก็ไม่รับ อันนั้นศาลให้เหตุผลว่าที่เขาไม่รับเพราะยังไม่ได้เกิดข้อขัดแย้งขึ้น เพราะยังไม่เข้าสู่กระบวนการสภา 

.

แต่วันนี้ เราจึงทำให้องค์ประกอบครบ คือ ยื่นเข้าสภาแล้ว มีข้อขัดแย้งแล้ว ฝ่ายหนึ่งบอกบรรจุไม่ได้ อีกฝ่ายบอกบรรจุได้ เราก็เชื่อว่าศาลจะเห็นองค์ประกอบครบแล้ว ก็สามารถตีความออกมาได้ ดังนั้น เราจำเป็นต้องเดินแบบนี้  เรารู้ว่าจะมีคนที่ไม่เข้าใจอาจจะตำหนิ แต่เรายอมให้ตำหนิ แต่เราเชื่อว่า พอจบแล้ว เมื่อไปสู่เป้าหมายทุกคนจะเข้าใจได้

.

ด้านนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน ตอบคำถามถึงญัตติที่นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ส่งให้ศาลวินิจฉัยเรื่องหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาว่า ญัตตินั้นยังอยู่ในสภาไม่ได้ตก แต่สิ่งที่ตกไปคือการ “ขอเลื่อน” นั้นหมายความว่า ญัตติของนายแพทย์เปรมศักดิ์ยังอยู่ แต่ญัตติการขอเลื่อนเข้ามาพิจารณามันตกไปแล้วทำให้พิจารณาไม่ได้ 

.

วิธีแก้คือ เราก็ต้องเสนอเป็นญัตติใหม่ เพื่อตัดข้อกังวลออก ซึ่งมีสมาชิกสภาฯ พร้อมเข้าชื่อเสนอญัตติใหม่ 

.

พรรคเพื่อไทยย้ำว่า มีเจตนาแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จ แต่ทำอย่างไรในขณะที่ยังมีข้อกังวลของสมาชิกทั้งหมดอยู่  ทางออกที่ดีสุดคือ ให้ศาล รธน. มีคำวินิจฉัยให้ชัดเจนไปเลย นี้คือสิ่งแรกที่เราต้องแก้ พอ สส. สว. หมดข้อกังวลแล้วก็เดินหน้าต่อ 

.

ในอีกทางหนึ่ง ถ้าญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ที่เราพยายามเดินหน้าอยู่ ถ้ามันตกไป ประเด็นสำคัญคือ เราจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในสมัยนี้ไม่ได้อีกเลย เราต้องไปรอสมัยหน้า ซึ่งใช้เวลานานเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีแรกที่ให้ยื่นศาลเพราะมีร่างแล้ว แค่ลงชื่อให้ครบ 40 คนและเสนอเข้าสภา และบรรจุสภาเพื่อให้พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งน่าจะทำได้ภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 

.

นายสุทิน คลังแสง กล่าวย้ำทิ้งท้ายว่า “ประโยชน์ที่เพื่อไทยทำคือ ได้ความชัดเจน และความชัดเจนนี้จะทำให้โอกาสการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีโอกาสสำเร็จ  จึงอยากฝากสื่อมวลชนที่เมื่อวานไม่ได้ถาม ถ้าพรรคประชาชนมาแถลงช่วยถามหน่อยว่า แนวทางที่พรรคประชาชนกำลังเดิน มีประโยชน์อย่างไรบ้าง และจะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จอย่างไร คือถ้าเดินไปแล้วตก โอกาสที่จะแก้จะสำเร็จได้อย่างไร ช่วยบอกที เพื่อพี่น้องจะได้เปรียบเทียบกับแนวทางพรรคเพื่อไทยได้ว่าเราจะแก้สำเร็จได้อย่างไร”

.

#พรรคเพื่อไทย  #แก้ไขรัฐธรรมนูญ #ประชุมสภา