‘นายกฯ แพทองธาร’ เชิญ ก.ท่องเที่ยวร่วมสร้างความเชื่อมั่น พร้อมหาตลาดใหม่ๆให้หลากหลายรูปแบบ ตั้งเป้ารายได้ภาคท่องเที่ยวกลับมาเท่าระดับก่อนโควิด คาดเงินสะพัด 2 ล้านล้านบาท
วันที่ 11 เมษายน 2568 เวลา 09.45 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม พร้อมผู้แทนสำนักงานท่องเที่ยวต่างประเทศ จำนวน 34 ราย เข้าร่วมประชุมทางออนไลน์
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลประกาศให้ประเทศไทย เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 เพื่อยกระดับเรื่องการท่องเที่ยว ให้ทั่วโลกยอมรับเพิ่มมากขึ้น และให้เห็นประเทศไทยในมิติใหม่ๆ มีตัวเลือกมากขึ้น มุ่งยกระดับให้เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม ที่สำคัญรัฐบาลพยายามโปรโมทให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรับรู้ว่าประเทศไทยเที่ยวได้ทุกเดือน ตามฤดูกาลต่าง ๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ มีความชื่นชอบแตกต่างกันไป เช่น บางประเทศชอบฤดูฝน เพราะประเทศที่ไม่ค่อยมีฝน ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย รัฐบาลได้พยายามทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ประเทศไทยหลังจากสถานการณ์โควิด-19 จะเห็นได้ว่ายอดตัวเลขภาคการท่องเที่ยวลดลง รัฐบาลได้พยายามดำเนินการเร่งขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว แต่ประสบปัญหาเหตุการณ์แผ่นดินไหว จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันโปรโมท สร้างความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ ร่วมกันสร้างการรับรู้ว่า ประเทศไทยไม่ได้มีส่วนเสียหายในจุดสำคัญต่าง ๆ ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ยังมีความปลอดภัย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สิ่งสำคัญคือการทำให้ตัวเลขภาคการท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มขึ้น
นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวแล้วต้องดูในเรื่องรายได้จากการท่องเที่ยว (spending purchase) จะต้องทำให้นักท่องเที่ยวเลือกมาท่องเที่ยวในประเทศไทย อาทิ มาเพื่อรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นการมาพักผ่อนระยะยาว มาเพื่ออาศัยอยู่ช่วงเกษียณ หรือการเข้ามาเพื่อทำงานของกลุ่ม digital nomad จำเป็นจะต้องมีการโปรโมทการท่องเที่ยวให้มีความหลากหลาย เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีความชอบ ความสนใจไม่เหมือนกัน รวมทั้งต้อง มุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยว luxury เพิ่มการอำนวยความสะดวกมากขึ้น การบริการที่เพิ่มขึ้น อย่างครบวงจร เพื่อรองรับภาคการท่องเที่ยว จะต้องร่วมกันวางแผนเพิ่มจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยว หลังจากที่ยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนลดลง ว่าจะสามารถทำให้ยอดนักท่องเที่ยวกลับมาได้อย่างไร รวมถึงการตั้งระบบการเดินทาง เช่น เรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ขอให้ทุกภาคส่วนทำงานร่วมกัน โดยตั้งเป้าให้รายได้จากการท่องเที่ยวให้เทียบเท่ากับรายได้การท่องเที่ยวในปี 2562 ที่สร้างรายได้จำนวนเกือบ 2 ล้านล้านบาท
โดยที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทย แนวโน้มด้านการท่องเที่ยว และตลาดกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งกลุ่มตลาด 20 อันดับแรกที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด เปรียบเทียบช่วงก่อนโควิดและปัจจุบัน /ความแตกต่าง เพิ่มขึ้น-ต่ำลง) นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณา New KPI and New Value Based Strategy และแนวทางการจัดทำกลยุทธ์และแผนการตลาด เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง
นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาและมีข้อสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ติดตามและผลักดันการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบมีวัตถุประสงค์ โดยเน้นแรงจูงใจ ผลิตภัณฑ์ และซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพอยู่แล้ว โดยเฉพาะด้านการให้บริการและอาหาร จำเป็นต้องใช้จุดแข็งเหล่านี้ในการพัฒนาและต่อยอด ขอให้ทุกภาคส่วน พูดคุยหารือกับภาคเอกชน เพื่อทราบปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน หากมีการดึงการลงทุนเข้ามา รัฐควรพิจารณามาตรการสนับสนุนที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“การหาตลาดใหม่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ การดำเนินโครงการร่วมกับ OTA โดยให้ภาคเอกชนในพื้นที่การท่องเที่ยวมีส่วนร่วมและเสนอแนะแนวทางแก่ภาครัฐ ถือเป็นการเปิดรับความรู้ใหม่ ๆ จากมุมมองที่แตกต่างกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น เทศกาล “ดิวาลี” (Diwali) ซึ่งเป็นเทศกาลที่ร่ำรวยวัฒนธรรม ทั้งด้านอาหาร ศิลปะการเพ้นท์ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการขยายพื้นที่การลงทุน และสร้างแคมเปญประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
#พรรคเพื่อไทย #แพทองธาร #ท่องเที่ยว

บทความที่เกี่ยวข้อง
