แถลงการณ์นายกรัฐมนตรี การยุบสภาผู้แทนราษฎร

แถลงการณ์นายกรัฐมนตรี

เรื่อง  การยุบสภาผู้แทนราษฎร

————————-

นางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบว่า
จากการหารือและรับฟังข้อคิดเห็นของทุกภาคส่วนแล้ว
ดิฉันจึงได้ตัดสินใจขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวาย ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ.๒๕๕๖ เพื่อทรงมี
พระบรมราชวินิจฉัย ด้วยเหตุผลดังนี้

๑.การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นกระบวนการปกติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ดังที่ปรากฏอยู่ในหลายประเทศที่ใช้ระบอบนี้ ซึ่งประเทศไทยได้ยึดถือธรรมเนียมการปฏิบัติดังกล่าวมาโดยตลอด 
ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ 
บัญญัติรองรับการยุบสภาผู้แทนราษฎรไว้ และได้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วหลายครั้ง 
เช่น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙  พ.ศ. ๒๕๔๓  พ.ศ. ๒๕๔๙ และ พ.ศ. ๒๕๕๔

๒.ตามที่รัฐบาลได้เข้ารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่เมื่อวันที่….  โดยมีภารกิจสำคัญในการแก้ไขวิกฤติการณ์ภายในประเทศหลายประการ ทั้งในเรื่องของมหาอุทกภัย ผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนรวมทั้งการฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศ
การพยายามสร้างความปรองดอง
ตลอดจนฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ซึ่งรัฐบาลก็ได้ดำเนินการอย่างสุดความสามารถ แก้ปัญหาต่างๆจนลุล่วงไปได้ด้วยดี

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นด้านความขัดแย้งทางการเมืองนั้น
ยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง และถึงแม้รัฐบาลจะพยายามที่จะสร้างความเข้าใจอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นการเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเปิดเวทีปฏิรูปการเมือง
หรือการทำประชามติ ก็ยังมีผู้ที่เห็นต่างและคัดค้าน ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะรับฟัง
หากการคัดค้านนั้นเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา
แต่ปรากฎว่ามีผู้คัดค้านจำนวนหนึ่งรวมทั้งสมาชิกพรรคฝ่ายค้านกลับเลือกที่จะใช้วิถีทางการชุมนุมต่อต้านนอกเวทีรัฐสภา
ซึ่งรัฐบาลก็ได้ดำเนินการบริหารการชุมนุมอย่างละมุนละม่อมและด้วยท่าทีที่ประนีประนอม
อันเป็นการเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็นมาโดยตลอด
และเพื่อรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้ประเทศและคนไทยต้องมีการสูญเสียอีก
ด้วยประเทศไทยเจ็บปวดมามากพอแล้ว

แต่สถานการณ์ในวันนี้ รัฐบาลได้คำนึงถึงแนวคิดที่แตกต่าง
และต่างฝ่ายต่างอ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชนจำนวนมาก
ดังนั้นรัฐบาลจึงเห็นว่าภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
เมื่อถึงจุดที่ความคิดขัดแย้งอาจนำไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติและมีความรุนแรงจนอาจเกิดความสูญเสียขึ้น
การคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินด้วยการยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
เป็นวิถีทางที่เป็นไปตามหลักการแห่งระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ
และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่า คนส่วนใหญ่ต้องการแนวทางใด
และจะให้ใครมาบริหารประเทศตามแนวทางนั้น

รัฐบาลใคร่ขอเชิญชวนให้ทุกกลุ่มทุกพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลาย
ใช้เวทีการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นที่นำเสนอทางเลือกต่างๆให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

๓.เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว  รัฐมนตรีทั้งคณะย่อมพ้นจากตำแหน่งไปด้วยตามมาตรา ๑๘๐ (๒) แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ 
มาตรา  ๑๘๑  ซึ่งกำหนดไว้ด้วยว่า
คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็น
ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดในมาตราดังกล่าว

๔.ขอให้ประชาชนทั้งหลายให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
ซึ่งจะได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้งถึงการกำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้รัฐบาลขอให้ประชาชนทำหน้าที่และใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยความพร้อมเพรียง ใส่ใจ และรอบคอบ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมที่สุด ซึ่งจะเป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองโดยสันติตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย


(นางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร)

นายกรัฐมนตรี

วันที่
๙ ธันวาคม 
๒๕๕๖