แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย 4 กุมภาพันธ์ 2557

แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย

ขบวนการทำลายประชาธิปไตยและปล้นสิทธิของประชาชน

เรียนพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ

           บัดนี้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว
ซึ่งปรากฏว่าประชาชนทั่วประเทศได้ตื่นตัวในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ 
อย่างมากมาย แสดงถึงความหวงแหนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของปวงชนชาวไทยอย่างยิ่ง
แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ยังมีกระบวนการที่จะทำลายประชาธิปไตย
และสิทธิของพี่น้องประชาชนอยู่  พรรคเพื่อไทยจึงขอแถลงต่อพี่น้องประชาชน ดังนี้

           1.
ขบวนการเพื่อทำลายประชาธิปไตยและปล้นสิทธิของประชาชน โดยเฉพาะสิทธิที่สำคัญที่สุด
คือ สิทธิเลือกตั้ง
เป็นขบวนการภายใต้แนวคิดเผด็จการ โดยร่วมมือกันหลายฝ่าย ตั้งแต่กลุ่มอนาธิปไตย ที่ปิด กทม ขัดขวางการเลือกตั้ง
กลุ่มการเมืองบางส่วนและกลุ่มองค์กรต่างๆ

           2. การขับเคลื่อนของขบวนการนี้
มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายรัฐบาลและพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งของประชาชน 
และสถาปนาอำนาจของกลุ่มขบวนการดังกล่าว
โดยมีวิธีการอยู่ 2
แนวทาง คือ 1) พยายามให้มีการทำรัฐประหาร 2)
พยายามให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ผู้ดำรงตำแหน่งส่วนใหญ่มีความโยงใยอย่างใกล้ชิดกับการรัฐประหารเมื่อ
พ.ศ. 2549 ทำลายพรรคเพื่อไทย ด้วยการขัดขวางการทำงานทุกด้าน
ตลอดจนหาเหตุทุกวิถีทางที่จะทำให้มี การชี้มูลเรื่องทุจริต  หรือความไม่ชอบด้วยกฎหมายและนำไปสู่การถอดถอนโดยวุฒิสภาซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากการแต่งตั้ง

           3.
เพื่อให้แนวทางดังกล่าวเป็นไปได้ ขบวนการนี้ต้องการเวลาประมาณ 2-4 เดือน จึงต้องขัดขวาง การเลือกตั้งทุกอย่างโดยอ้างเหตุต่างๆ
นานาและก่อความไม่สงบ คุกคามรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ
องค์กรธุรกิจและประชาชนทั่วไป เพื่อให้เกิดความหวาดกลัว
เบื่อหน่ายระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งการใช้วิธีการใส่ร้ายป้ายสีทุกรูปแบบเพื่อให้ประชาชนคลางแคลงใจต่อพรรคเพื่อไทย

           4.
เมื่อจัดการกับพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลแล้ว หรือคาดการณ์ว่าจะจัดการได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเมื่อใด ก็จะมีการเลือกตั้งอีกครั้ง
โดยหวังว่าจะทำลายพรรคเพื่อไทยจนไม่อาจชนะการเลือกตั้งได้อีกต่อไป

           5. อย่างไรก็ตาม
ในช่วงการจัดการกับพรรคเพื่อไทยประมาณ 2 – 4 เดือนนี้ อาจจะมีการใช้วิธีการนอกรัฐธรรมนูญและนอกกฎหมายอีกหลายประการ
รวมทั้งคงมีความพยายามจะเรียกร้องให้มี การตั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

           6. ขบวนการทำให้สิทธิเลือกตั้งของประชาชนที่ลงคะแนนไปแล้วเป็นโมฆะ
จะเกิดจากการไปร้องศาลรัฐธรรมนูญตาม ม. 68  ดังที่พรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายแนวคิดเผด็จการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
โดยจะอ้างแบบมั่วว่า การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 2557 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ม.108 คือไม่เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร เพราะมี 28
เขตที่ไม่มีผู้สมัครและอีกหลายหน่วยเลือกตั้ง ประชาชนลงคะแนนไม่ได้  หรืออาจจะไปไกลถึงขั้นที่ว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย
ที่ 2/ 2557 เห็นว่าเลื่อนการเลือกตั้งได้ โดยเป็นกรณีที่รัฐบาลและ กกต ต้องไปหารือกันแล้ว
 แต่กลับยังมี  การเลือกตั้งต่อไป
ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ขาดความชอบธรรม ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย 
เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้นชอบด้วยกฎหมายทุกประการแล้ว 
ส่วนเขตที่มีปัญหายังเลือกตั้งไม่ได้
ก็เป็นหน้าที่ของ กกต ที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามที่มีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว

           7.
การที่มีการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาเมื่อ 9 ธ.ค. 2556 เพื่อคืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชน และเพื่อให้ประชาชนทำหน้าที่ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ
ม. 72 เป็นสิ่งที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550
 และวันเลือกตั้งนั้นเริ่มตั้งแต่วันที่19 ม.ค.2557 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งในต่างประเทศ ส่วนวันที่ 26 ม.ค.2557 เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันที่ 2 ก.พ.2557 เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป หากการจงใจขัดขวางการเลือกตั้งของกลุ่มอนาธิปไตย
หรือการต้องการเลื่อนการเลือกตั้งอันทำให้ไม่มีผู้สมัครใน28 เขต ฯลฯ ข้างต้น
กลายเป็นปัจจัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ จะเป็นแบบอย่างและบรรทัดฐาน 
ให้มีการกระทำเช่นนี้ในอนาคต
และแม้มีเพียง 1 เขตที่ไม่มีผู้สมัคร
หรือประชาชนลงคะแนนไม่ได้ ประเทศไทยจะไม่มีโอกาสมีการเลือกตั้งทั่วไปได้อีกเลย

           8.
นอกจากการขับเคลื่อนการเลือกตั้งให้เป็นโมฆะผ่านศาลรัฐธรรมนูญแล้วก็อาจจะใช้วิธีการฟ้องศาลปกครองดังที่เคยปฏิบัติมาเมื่อ
พ.ศ. 2549  ดังที่รู้จักกันดีในชื่อว่า “ตุลาการภิวัฒน์” ซึ่งยิ่งเพิ่มความขัดแย้งมากขึ้น
ทั้งไม่มีกฎหมายใดรองรับให้ทำเช่นนั้นได้

           9.
พรรคเพื่อไทยจึงใคร่ขอให้พี่น้องประชาชนได้ตระหนักและติดตามการเคลื่อนไหวของขบวนการนี้ 
อย่างต่อเนื่อง
และร่วมกันต่อสู้คัดค้านแนวทางเผด็จการที่เป็นการทำลายประชาธิปไตยและปล้นสิทธิของประชาชนอย่างเด็ดเดี่ยว
เพื่อดำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ให้ยั่งยืนตลอดไป


4 ก.พ. 2557