ยิ่งลักษณ์ แถลงการณ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก ป.ป.ช.

เรียนพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน

จากกรณีที่คณะ
กรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ดิฉันว่า
กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา
ดิฉันนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี ขอเรียนว่า

1.
กระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นไปตามหลักนิติธรรมสากลหรือไม่
เพราะมองว่าเป็นการพิจารณาที่  เร่งรีบ รวบรัด โดยแจ้งข้อกล่าวใช้เวลาเพียง
แค่ 21 วัน และหลังจากนั้นก็ชี้มูลความผิดอาญาต่อดิฉัน ภายใน 140 วันซึ่ง
ป.ป.ช.ไม่เคยปฏิบัติกับคดีอื่น
ๆที่ดำเนินการกับนักการเมืองเช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อดิฉัน
 เมื่อเทียบเคียงกับการดำเนินคดีกับการโครงการประกันราคาข้าว ที่
ป.ป.ช.ใช้เวลาในการดำเนินการนานไม่น้อยกว่า 4 ปี  คดี ปรส ที่ล้าช้า .
 โครงการทุจริตโรงพักทั่วประเทศ ป.ป.ช. กลับไม่มีความคืบหน้า 
อันถือว่ามิได้มีบรรทัดฐานอย่างเดียวกัน

2. นอกจากนี้ ในการปฏิบัติ ของ ป.ป.ช. เมื่อเทียบกับคดีอื่น ๆ เห็นว่า คดีนี้มีพฤติการณ์ รวบรัด เป็นกรณีพิเศษดังนี้  

-เลือกรับฟังพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตัวดิฉัน 

-ตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ในการเสนอพยานบุคคลที่เป็นส่วนสาระสำคัญ

-ไม่
รอผลการพิสูจน์เรื่องสต็อกข้าวให้เป็นที่สิ้นสุด
เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องสต็อกข้าว ทั้ง ๆที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่
ป.ป.ช. ไปร่วมสังเกตการณ์แล้ว

-ไม่ไต่สวนในข้อเท็จจริง
กรณีการลงบันทึกบัญชีที่ข้อขัดแย้งและแตกต่างกันของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี
และ คณะกรรมการ กขช.ให้เป็นที่สิ้นสุด

-กรณีไม่พิจารณาการที่ดิฉันคัดค้าน นาย วิชา  รวม 3 ครั้ง

3.นโยบาย
รับจำนำข้าว เป็นนโยบายระดับประเทศ นายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหาร
เป็นเพียงผู้กำกับดูแลเท่านั้น ส่วนในระดับปฏิบัติการนั้นเป็นการทำงานของ
หน่วยงานต่าง ๆหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยมีขั้นตอนและกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน แต่ในข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.
กลับฟังความข้างเดียว
ในขณะที่ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเห็นไม่ตรงกันในข้อเท็จจริง

4. นอกจากนี้การแถลงข่าวของ ป.ป.ช.ต่อสาธารณะที่ผ่านมา ยืนยันว่า
คดีในเรื่องระบายข้าวไม่เกี่ยวข้องกับดิฉัน
ทำให้ไม่ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาต่อสู้ และหักล้าง
แต่ในข้อวินิจฉัยในการชี้มูลกลับนำ ข้อเท็จจริงในคดีระบายข้าวมาชี้มูลความ
ผิดกับดิฉันด้วย 

5. ที่ผ่านมาดิฉันพยายามชี้แจงและร้องขอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวน
และสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่งเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและเป็นธรรม
แต่ ป.ป.ช. ปฏิเสธมาโดยตลอด  ทั้งที่ข้อเท็จจริงอีกหลายเรื่อง  เช่น
ข้าวเสื่อมสภาพและข้าวหาย หน่วยงานที่ควบคุมดูแล สต็อกข้าว ทั้ง
องค์การ คลังสินค้า อ.ค.ส. และ องค์การ ตลาดเพื่อเกษตรกร
อ.ต.ก.ได้ทำสัญญาต่าง ๆกับเจ้าของคลังสินค้า และบริษัทประกัน
รับผิดชอบค่าเสียหาย หากเกิดกรณีข้าวสูญหาย
และการเสื่อมสภาพข้าวที่ผิดปกติธรรมชาติ ดังนั้นการกล่าวอ้างเรื่องรัฐ
มีความเสียหายจากข้าวหาย และข้าวเสื่อมคุณภาพ
จึงเป็นการไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อดิฉันในฐานะผู้ถูกกล่าวหา

 6. ขอตั้งข้อสังเกตว่า การกล่าวหาและการไต่สวนของ ป.ป.ช.
ได้นำพยานหลักฐานและไต่สวนพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อดิฉันและเลือกที่จะรับฟัง
พยานหลักฐานหรือไม่ ในขณะที่ดิฉันได้พยามเสนอพยานหลักฐานต่าง ๆแต่
ป.ป.ช.กลับละเลย และปฏิเสธที่จะไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง 

 7.
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า
ดิฉันจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะหนีคดีต่างๆนั้น ขอยืนยันว่า
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางส่วนตัว
และมีกำหนดการไปกลับที่ชัดเจนและมีการเตรียมการล่วงหน้า แล้วก่อนที่
ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดอย่างเร่งด่วน

วันนี้ดิฉันเป็นราษฎรเต็ม
ขั้นแล้วควรจะมีสิทธิเสรีภาพเยี่ยงประชาชนคนไทยทั่วไป ขอยืนยันว่า
จะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนคนไทย และพร้อมจะกลับมาสู่ประเทศไทย

18 กรกฎาคม 2557

Categories: Interview