“บุญทรง” ย้ำการชี้มูลระบายข้าว(จีทูจี)ของป.ป.ช. มีวาระซ่อนเร้นหวังกลั่นแกล้งให้เป็นเหยื่อทางการเมือง ประสงค์ชี้นำและกดดันสนช.ลงมติอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์

           นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการชี้มูลของคณะกรรมการป.ป.ช.เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวว่า
เรื่องดังกล่าวน่าจะมีวาระซ่อนเร้นโดยไม่ใช่เหตุบังเอิญในช่วงเวลาตามที่ท่านวิชา
มหาคุณ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนในการแถลงเมื่อวานนี้อย่างแน่นอน
เนื่องจากการชี้มูลในคดีของตนเองเกิดก่อนที่จะมีการลงมติในคดีถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์
ชินวัตร ออกจากตำแหน่ง ในวันที่ 23 มกราคม 2558 ทั้งๆที่ ป.ป.ช. ก็ได้ยอมรับในคำวินิจฉัยก่อนหน้านี้ว่า
อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ไม่มีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริตด้วย
เพียงแต่กล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ที่ละเลยไม่ระงับยับยั้งการทุจริตความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวของรัฐบาลเท่านั้น
และที่สำคัญอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ก็เพียงแต่เป็นผู้กำหนดนโยบายเท่านั้น
ไม่เกี่ยวข้องกับการปฎิบัติดังนั้นการชี้มูลเอากับตนเองเวลานี้เพียงเพราะต้องการหาแพะมาดำเนินการเพื่อเชื่อมโยงให้อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ฯ
มีความผิดให้ได้ เพื่อใช้มูลความผิดกรณีนี้มา กดดันหรือชี้นำในการลงมติของ สนช.
เพื่อให้เห็นว่าการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวของรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์
ชินวัตร มีการทุจริตดังที่ป.ป.ช.ได้เคยชี้มูลความผิดไว้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.
จึงจำเป็นต้องมีการชี้มูลความผิดก่อนหน้าที่สนช.จะลงมติคดีถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ก่อนหน้า
2 วันเท่านั้น การที่
ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกับตนเองในครั้งนี้จึงเป็นเพียงการใช้กรณีตนเป็นเหยื่อทางการเมืองเพื่อถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เท่านั้น

           นายบุญทรงยังได้ข้อสงสัยในการพิจารณาชี้มูลคดีของ ป.ป.ช.
เกี่ยวกับคดีนี้อีกด้วยว่าตัวเลขมูลค่าความเสียหายซึ่ง ป.ป.ช แถลงว่า
มูลค่าความเสียหายคาดว่าเกิน 6 แสนล้านบาทขึ้นไปนั้น อยากทราบว่าคณะกรรมการ
ป.ป.ช. และคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. นำตัวเลขดังกล่าวมาจากไหน
เนื่องจากเท่าที่ทราบจากเอกสารของกรมการค้าต่างประเทศการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีทั้ง 4
สัญญานั้น ได้มีการชำระเงินค่าข้าวแล้ว
และจำนวนเงินดังกล่าวนั้นกรมการค้าต่างประเทศก็ได้แจ้งให้คณะอนุกรรมการไต่สวน
ป.ป.ช. รับทราบแล้ว ซึ่งก็คือตัวเลขตามที่นายวิชา มหาคุณ
แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2558 คือจากการทำสัญญาซื้อขายจำนวน 4 ฉบับ รวมมูลค่าเป็นเงินจำนวน
70,549 ล้านกว่าบาท
โดยเงินจำนวนนี้ก็ได้มีการชำระคืนให้กับธกส.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

           อย่างไรก็ตามนายบุญทรงกล่าวเพิ่มเติมว่าไม่เข้าใจ ป.ป.ช.
มีจุดมุ่งหมายอย่างไรกันแน่ในการชี้มูลความผิดของตนเองทั้งๆที่ผ่านมาในขั้นตอนการไต่สวน
ได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงให้คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. รับทราบมาโดยตลอด
แต่จากการชี้มูลความผิดเมื่อวานนี้ กลับไม่พบว่า ป.ป.ช.
จะนำข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ตนได้เคยชี้แจงมาพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

           “สำหรับผมแล้วยืนยันพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง
แต่ข้อร้องว่าอย่านำเรื่องตนเองมาเป็นประเด็นทางการเมืองในคดีถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์
ชินวัตร” นายบุญทรงกล่าว