แถลงการณ์นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อกรณีศาลฎีกามีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีพันธมิตรล้อมสภา เมื่อปี 2551

​นายสมชายฯ อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันในความบริสุทธิ์ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยถูกต้อง ชอบธรรม ต่อเรื่องที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องคดีพันธมิตรล้อมสภา เมื่อปี 2551

​วันนี้ (12 กุมภาพันธ์ 2558) นายสมชาย  วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงข่าวที่ปรากฏเรื่อง ศาลฎีกา มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องคดีพันธมิตรล้อมสภา เมื่อ พ.ศ. 2551 ว่าในฐานะที่ตนเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีมั่นใจในความบริสุทธิ์ต่อเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าในครั้งที่ตนปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและสุจริตตามอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่พึงปฏิบัติ และยืนยันว่ามิได้กระทำผิดใดๆ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องคดีเอากับตน เพราะก่อนหน้า ป.ป.ช. ฟ้องคดีได้มีการพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้เสร็จสิ้น โดยอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีเอากับตนแล้วเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2555 จนถึงบัดนี้รวมเวลา 2 ปีเศษ และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็เคยยื่นฟ้องถอดถอนตนต่อวุฒิสภา ซึ่งวุฒิสภาได้มีมติไม่ถอดถอนตน เมื่อ 9 มีนาคม 2553 นับจนถึงบัดนี้เป็นเวลา 5 ปีเศษ แต่ ป.ป.ช. กลับนำเรื่องที่อัยการสั่งไม่ฟ้องและวุฒิสภามีมติไม่ถอดถอนมาฟ้องคดีที่ศาลอีกครั้ง อีกทั้งปรากฏว่าในชั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายผู้ปฏิบัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติและศาลปกครอง ได้มีคำพิพากษาให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและ  ได้มีการคืนความเป็นธรรมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติแล้ว ดังนั้นในฐานะที่ตนเป็นฝ่ายบริหารจึงควรจะได้รับความเป็นธรรมจากการที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องคดีในครั้งนี้ด้วย

​การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งประทับรับฟ้อง และมีคำสั่งนัดพิจารณาครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 11 พฤษภาคม 2558 เวลา 9.30 น. ตามที่ปรากฏเป็นข่าวถือว่าเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการปกติของการดำเนินคดีในศาล ซึ่งยังจะต้องมีขั้นตอน กระบวนการของกฎหมายอีกหลายขั้นตอนในการอำนวยความยุติธรรม อาทิเช่น การแถลงเปิดคดี การนัดสืบพยาน และการแถลงปิดคดีของคู่ความทั้งโจทก์และจำเลยก่อนที่ศาลจะได้มีคำพิพากษาต่อไป ตนในฐานะอดีตผู้พิพากษา มีความมั่นใจว่าศาลยุติธรรมจะได้พิจารณาคดีของตนโดยปราศจากอคติ และเป็นไปโดยถูกต้องและเที่ยงธรรม แม้ตลอดมาตนในฐานะที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีจะไม่ได้รับความเป็นธรรมใดๆ จากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ตามแต่เมื่อเรื่องมาถึงศาลแล้วตนก็พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและมีพยานหลักฐานที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ของตน แต่ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าการที่ ป.ป.ช. มาฟ้องคดีให้ตนต้องรับผิดตามกฎหมายในครั้งนี้ทั้งๆ ที่เรื่องควรจะจบแล้วนั้น ป.ป.ช. ได้ยึดหลักนิติธรรมในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ประการใด หากเทียบกับคดีที่มีการสลายการชุมนุมเมื่อปี พ.ศ. 2553 ที่มีข้อพิจารณาต่อตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีแตกต่างจากคดีของตน ดังนั้นจึงขอให้สังคมได้โปรดช่วยกันตรวจสอบและขอเรียกร้องทุกฝ่ายยุติการชี้นำคดีนี้ปล่อยให้ศาลพิจารณาและพิพากษาคดีไปตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมายต่อไป