ยิ่งลักษณ์ยืนยันความบริสุทธิ์ หลังศาลฎีกาฯ ประทับรับฟ้อง
19 มีนาคม 2558 นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 28 โพสต์เฟสบุ๊กยืนยันความบริสุทธิ์ หลังศาลฎีกาฯ ประทับรับฟ้อง โดยมีใจความว่า
ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องดิฉันในคดีเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าวในวันนี้นั้น
ตลอดระยะเวลาที่ดิฉันปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนั้น
ดิฉันทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
รับใช้พี่น้องประชาชนตามที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยอุดมการณ์ที่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
และได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างครบถ้วนถูกต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
ข้อกฎหมาย ตลอดจนกฎระเบียบ ข้อบังคับ ของทางราชการทุกประการ
และต้องการเห็นประเทศชาติเจริญก้าวหน้า ทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไร่ชาวนาที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมาโดยตลอด
ดิฉันขอยืนยันอีกครั้งว่า คดีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกที่กล่าวหาดิฉันนี้
ถือเป็นคดีแรกที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำนโยบายเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ อันเป็นนโยบายที่ประชาชนได้มอบหมายความไว้วางใจตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยให้ดิฉันมาดำเนินการ
และเมื่อมีการเสนอนโยบายดังกล่าวต่อประชาชนและเกิดเป็น “ฉันทามติ” ของประชาชนที่ต้องการให้
“กลไกตลาด” เป็นธรรมสะท้อนความเป็นจริงและยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนา เพราะที่ผ่านมาชาวนาเป็นผู้ผลิตไม่สามารถกำหนดราคาผลผลิตของตนเองในตลาดได้ การกำหนดราคาตกอยู่ในมือของผู้ซื้อโดยสิ้นเชิง
คดีนี้จึงเป็นคดีที่จะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การเมือง ตลอดจนเกษตรกรและประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั้งยังมีผลต่อบรรทัดฐานและการตัดสินใจในการจัดทำนโยบายที่จะช่วยเหลือประชาชนในอนาคต
ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตต่อเรื่องสิทธิในกระบวนการยุติธรรม
โดยเฉพาะ “หลักนิติธรรม” ที่พึงต้องปฏิบัติต่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาเพื่ออำนวยความยุติธรรมนั้น
ได้ขาดหายไปในคดีที่เกี่ยวกับตัวดิฉัน
เห็นได้จากรายงานและสำนวนคดีพร้อมความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
เองก็ระบุอย่างชัดเจนว่า
“ไม่มีพยานหลักฐานว่าดิฉันกระทำการทุจริตหรือสมยอมให้ผู้ใดทุจริต” แต่ก็มีการชี้มูลความผิดกับดิฉัน และก่อนหน้าที่อัยการสูงสุดจะฟ้องคดี อัยการสูงสุดได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ของคดีนี้หลายเรื่องตามที่เป็นข่าวทราบกันโดยทั่วไป
และต่อมาทั้งที่ทางอัยการยังไม่ได้มีการสืบพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะฟ้องคดีนี้ แต่กลับมีการเร่งรีบที่จะส่งฟ้อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นไปตามกระบวนการปกติที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา
อย่างไรก็ดี แม้เมื่อศาลฎีกาฯ
มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้ ดิฉันมั่นใจในความบริสุทธิ์และเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่จะนำมาพิสูจน์ความจริงต่อศาลตามขั้นตอนกระบวนการพิจารณาคดีของศาลตามที่กฎหมายกำหนดว่า
ดิฉันมิได้กระทำความผิดใดๆทั้งสิ้น
ดิฉันเพียงหวังว่าในการพิจารณาคดีในชั้นศาลฎีกาฯ
ดิฉันจะมีสิทธิที่จะเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง และมีโอกาสเสนอข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้ง
และพยานหลักฐานของดิฉันในการต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ
ที่สำคัญดิฉันขอให้มีการพิจารณาอย่างถูกต้อง
โปร่งใส และเป็นธรรม ปราศจากอคติใดๆ
เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดิฉันเห็นว่า
ดิฉันยังไม่ได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมในชั้นที่ถูกกล่าวหา และมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองที่จะทำลายดิฉันเข้ามาแทรกซ้อนโดยตลอด
สุดท้ายนี้
ดิฉันขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้โปรดยุติการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หยุดกดดันหรือชี้นำเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
จนกว่ากระบวนการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ จะเสร็จสิ้น
เพื่อให้ความเป็นธรรมกลับคืนสู่สังคมไทยต่อไป