“บุญทรง” ยันคู่สัญญาระบายข้าวเป็นรัฐวิสาหกิจจีนจริง “วอน” สนช. อย่าสร้างบรรทัดฐานใหม่ ก้าวล้ำพรมแดนแห่งกระบวนการยุติธรรมก่อนศาล
วันนี้ (23 เม.ย. 58) ณ อาคารรัฐสภา เมื่อเวลา 9.00 น. มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมีการพิจารณากระบวนการถอดถอน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล
อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกจากตำแหน่ง
โดยวันนี้เป็นขั้นตอนการรับฟังคำแถลงคัดค้านโต้แย้งเปิดสำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.)
นายบุญทรง
เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุถึงการพิจารณาคดีถอดถอนในวันนี้ว่าเป็นการพิจารณาคดีที่ดำเนินควบคู่ไปกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการก้าวล้ำพรมแดนแห่งกระบวนการยุติธรรม
อีกทั้งคดีนี้เป็นคดีที่ฟ้องจำเลยอื่นอีกหลายรายที่ไม่ได้มีโอกาสมาชี้แจงในสภาฯ
จึงไม่ควรพิจารณาถอดถอนซึ่งอาจเป็นการชี้นำศาลได้
นายบุญทรง กล่าวว่า
ที่ผ่านมารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ดำเนินการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐเหมือนรัฐบาลอื่นๆที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นกรอบยุทธศาสตร์การระบายสินค้าเกษตร ขั้นตอนการระบาย
การทำหน้าที่ของคณะอนุกรรมการระบายชุดเดิม และการส่งสินค้าแบบ ณ หน้าคลังสินค้า (Ex
Warehouse) รัฐบาลในอดีตจนถึงปัจจุบันก็ไม่ได้มีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้องทั้งสิ้น
จึงไม่ควรเว้นวรรคเอาผิดเฉพาะช่วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายบุญทรง
ยังตั้งข้อสังเกตว่าการพิจารณาของป.ป.ช.ที่ผ่านมาเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ฟังความฝ่ายเดียวเนื่องจากคดีนี้ไม่มีการสอบพยานฝ่ายผู้ซื้อซึ่งเป็นคู่สัญญาว่าเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีนจริงหรือไม่
และในข้อเท็จจริง บริษัท GSSG หรือ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจจีนดังกล่าวได้มีหนังสือไปยัง
ป.ป.ช. เพื่อชี้แจงสถานะความเป็นรัฐวิสาหกิจอย่างเป็นทางการว่ารัฐบาลจีนถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นจริง แต่ไม่ได้รับการพิจารณาจาก ป.ป.ช. แต่อย่างใด
นายบุญทรง กล่าวอีกด้วยว่า
แม้แต่ในรัฐบาลปัจจุบันก็มีการขายยางพาราในสต๊อกของรัฐบาลแบบรัฐต่อรัฐกับไห่หนานซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจีน
ที่มีสถานะเดียวกันกับ GSSG
และการขายดังกล่าวก็เป็นการขายในราคาต่ำกว่าที่รัฐบาลรับซื้อจากเกษตรกรและต่ำกว่าราคาตลาดเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้นายบุญทรง
ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ระบายข้าวภายใต้เงื่อนไข Ex Warehouse ซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ พร้อมส่งมอบข้าวให้กับผู้ซื้อ
รัฐได้เงินครบถ้วนทันที และได้มีการติดตามตรวจสอบว่ามีการส่งมอบข้าวตามสัญญา พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์และความสุจริตในการปฏิบัติหน้าที่
ไม่ได้กระทำการทุจริต ประพฤติผิดมิชอบ หรือ “ฮั้ว” ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าการดำเนินการของ ป.ป.ช.
ในการชี้มูลความผิดมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองซึ่งจะขอต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป
ด้านนายภูมิ
สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง กรณีถอดถอนออกจากตำแหน่งในประเด็นระบายข้าวนั้น
เป็นข้าวเก่าตั้งแต่ปี 2548 ที่ค้างสต็อกมาหลายรัฐบาล จนตกทอดมาถึงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร ซึ่งสต็อกส่วนใหญ่เริ่มเสื่อมคุณภาพแล้ว จึงได้เร่งระบายภายใต้บรรทัดฐานเดียวกัน
เหมือนกับทุกรัฐบาลที่ผ่านมา นอกจากนั้นประเด็นข้อกล่าวหา “เรื่องฮั้ว” ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาทางอาญาที่ร้ายแรงยังไม่มีหลักฐานปรากฏใดๆในสำนวนการกล่าวหาของป.ป.ช.
ดังนั้นสภาแห่งนี้ไม่ควรสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการพิจารณาคดีถอดถอนควบคู่ไปกับการพิจารณาคดีของศาลหรือตัดสินก่อนศาล