“อนุสรณ์”ยื่นนส.ถึงพล.อ.ประยุทธ์ ตรวจข้าวเสื่อม5.8ล้านตัน แนะข้าวคุณภาพต่ำผลิตอุตสาหกรรม แป้ง เส้นก๋วยเตี๋ยว อาหารสัตว์ ประโยชน์มากกว่าทำเอทานอล จี้ทบทวนตั้ง “นิพนธ์”เป็นกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว

            นายอนุสรณ์  เอี่ยมสะอาด
รักษารองโฆษกพรรคเพื่อไทย
ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  นายกรัฐมนตรี
และประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ให้กำกับ  ควบคุม 
ดูแล  บริหารจัดการข้าวให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการ
โดยให้มีการตรวจสอบว่ามีข้าวเสื่อมคุณภาพและข้าวคุณภาพต่ำจำนวน 5.8 ล้านตัน
ว่ามีอยู่ ณ ที่ใด และโกดัง  โรงสี  เซอร์เวย์เยอร์ 
ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียในอันที่จะต้องรับผิดตามสัญญาที่จัดเก็บข้าวในสต็อกของรัฐบาล
ไม่ผ่านมาตรฐาน 
เป็นเหตุให้ข้าวเสื่อมคุณภาพ และข้าวคุณภาพต่ำได้ ยอมรับผิดและยอมชดใช้ความเสียหายต่อรัฐแล้วทั้งหมดหรือไม่
 เป็นจำนวนเท่าใด
ให้เป็นที่ยุติก่อนนำข้าวออกระบาย  และขอเสนอว่าเพื่อป้องกันการทุจริตมิให้มีการ”ฮั้ว”
ในการซื้อขายข้าวดังกล่าวข้างต้น ประกอบกับข้าวที่อ้างว่าเสื่อมคุณภาพ
และข้าวคุณภาพต่ำยังสามารถที่จะปรับปรุงคุณภาพข้าว
โดยอุตสาหกรรมอย่างอื่นนอกจากการนำข้าวไปผลิตเอทานอล เช่นอุตสาหกรรม  แป้ง , เส้นก๋วยเตี๋ยว , อาหารสัตว์  หรืออื่น ๆ
ซึ่งจะทำให้ได้ราคาและรักษาผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการได้มากกว่าการนำข้าวที่เสื่อมคุณภาพไปจัดทำเอทานอล
หรือนำข้าวคุณภาพต่ำตามอ้างไปใช้เป็นเชื้อเพลิง สำหรับผลิตในโรงไฟฟ้าชีวมวล
ตามข่าวที่ปรากฏ  จึงเห็นควรว่าหากพลเอกประยุทธ์  และคณะกรรมการนโยบาย และบริหารจัดการข้าว
(นบข.) ยังคงยืนยันที่จะระบายข้าวจำนวน 5.8 ล้านตันดังกล่าวต่อไป
ขอให้มีการระบายข้าวจำนวน 5.8 ล้านตันดังกล่าว “โดยวิธีการทั่วไป
มิใช่การระบายข้าวด้วยวิธีพิเศษ” 
ทั้งนี้ให้เป็นไปเพื่อป้องกันการทุจริต และรักษาประโยชน์สูงสุดของทางราชการ

            รวมทั้งให้มีการเร่งรัด
ระบายข้าวที่เหลืออยู่ในสต็อกของรัฐบาลจำนวนประมาณ 15
ล้านตันเศษเพื่อป้องกันความเสียหายจากการเก็บรักษาข้าวในสต็อกของรัฐบาลให้เกิดประสิทธิผลและราคาที่จำหน่ายด้วย

            นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า ขอให้ทบทวนการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว
นายนิพนธ์  พัวพงศกร
เพื่อให้เกิดความเป็นกลางทางการเมือง
และเพื่อให้การบริหารจัดการข้าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิผลและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของทางราชการ