พท.ยินดีให้นำนโยบายของพรรคไทยรักไทยมาใช้ เชื่อว่าเศรษฐกิจยังมีปัญหาอีกมาก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเห็นว่า การส่งออกเดือนกรกฏาคมติดลบ 3.56% ซึ่งติดลบเป็นเดือนที่เจ็ดทำให้ 7 เดือนส่งออกลดไป 4.66% ซึ่งถือว่าหนักมาก ประกอบกับภาวะผันผวนของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกยิ่งซ้ำเติมปัญหาของไทยมากขึ้น อีกทั้งปัญหาการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่หดหาย การใช้จ่ายประชาชนที่ลดจากการที่รายได้ลด ผนวกผลกระทบจากเหตุระเบิดราชประสงค์ รวมถึงโอกาสที่จะโดนกีดกันทางการค้าเพิ่มเติมจากสหรัฐและอียูก็เป็นไปได้สูง
ดังนั้นภาวะเศรษฐกิจของไทยน่าจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตแล้วตามที่ ดร. วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯวิเคราะห์ ซึ่งไม่ได้เป็นแค่เฉพาะรายได้เกษตรกรลดลงชั่วคราวเหมือนที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พูด อีกทั้งราคาพืชผลเกษตรอาจจะลดต่ำลงไปอีกนาน จากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกนาน จึงอยากฝากให้ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเตรียมรับมือ
ทั้งนี้คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยที่จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยอัดฉีดเงินเข้าสู่กลุ่มคนที่มีรายได้น้อย หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Grassroots economics ที่ได้เคยแนะนำมานานแล้ว เช่น การอัดฉีดเงินเข้ากองทุนหมู่บ้าน และ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(โอทอป) ที่เป็นนโยบายเดิมของพรรคไทยรักไทย และหากเป็นไปได้ก็อยากให้นายสมคิดได้คิดนโยบายใหม่ๆของตัวเองเพิ่มเติมเข้ามาด้วย
นอกจากนี้ยังอยากให้นายสมคิดช่วยวิเคราะห์ผลกระทบที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตยที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทใหญ่ๆ ไม่มาลงทุนในไทย และที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วก็ยังย้ายฐานออกไป เพราะไม่อยากเสี่ยงกับการโดนแซงชั่นจากสหรัฐและอียู ทีมเศรษฐกิจจะแก้ไขอย่างไร โดยเฉพาะผลกระทบจากรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งจะทำให้ต่างประเทศยิ่งไม่มั่นใจในความเป็นประชาธิปไตยของไทยในอนาคต
ดังนั้นคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่าปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องจากผลกระทบทางการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยยังมีอีกมากที่นายสมคิดไม่ได้พูดถึง จึงอยากให้นายสมคิดได้วิเคราะห์และหาทางแก้ไขด้วย เพราะหากไม่พูดถึงปัญหาที่แท้จริงของประเทศ ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ ประชาชนอาจจะต้องผิดหวังในที่สุด