ทนาย นรวิชญ์ “เห็นต่าง” อ.วิษณุ ในกรณี อายุความ จะคดีแพ่ง (จำนำข้าว) ยังไม่เริ่มนับอายุความ อย่าอ้างว่าคดีแพ่งขาดอายุความ คดีมีทุนทรัพย์สูง ไม่ควรรีบเร่ง ควรให้ความเป็นธรรมในการไต่สวนข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ก่อนสรุปความเสียหาย
จากที่ปรากฏเป็นข่าว ว่าจะมีการสรุปสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ให้เสร็จสิ้น ภายใน วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ เพื่อไม่ให้คดี ขาดอายุความนั้นนาย นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ในฐานะทนายความส่วนตัว ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรกล่าวว่าในเรื่องอายุความ มีความ “ เห็นต่าง” ในเรื่องอายุความ
ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๑๐ วรรคสอง กำหนด ให้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ มีกำหนดอายุความ ๒ ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวเจ้าหน้าที่ผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทน
คำว่า นับแต่วันที่ หน่วยงานของรัฐ “รู้” ถึงการละเมิด และ “รู้” ตัวเจ้าหน้าที่ ผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทน ก็คือ วันที่ พลเอกประยุทธ ฯ และ รมว. คลัง ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ในโครงการรับจำนำข้าว ได้วินิจฉัย ว่า “มีผู้กระทำผิด หรือไม่ เท่าใด” จึงต้องเริ่มนับอายุความ ๒ ปี
ดังนั้น เมื่อ พลเอกประยุทธ ฯ และ รมว. คลัง ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้ง คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ยังไม่ได้วินิจฉัยว่า มีเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำผิด หรือไม่ เท่าใด “ การเริ่มนับอายุความ ๒ ปี จึงยังไม่เริ่มนับ เมื่ออายุความยังไม่เริ่มนับ อายุความคดีแพ่งจึงยังไม่ขาดอายุความ”
คดีนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ เพิ่งจะได้ให้ถ้อยคำเป็นลายลักษณ์อักษรไปเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ซึ่งในการให้ถ้อยคำเป็นหนังสือนั้นได้อ้างพยานบุคคล ที่เกี่ยวข้อง ในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ แต่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กลับไม่ไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน เสียก่อน
ซึ่งในเรื่องนี้ ตาม ข้อ ๑๕ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙ ระบุไว้ชัดเจนว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ต้องให้โอกาสแก่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้ง แสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ และเป็นธรรม
ดังนั้น คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ต้องให้โอกาสแก่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ ในฐานะผู้เกี่ยวข้อง ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้ง แสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ และเป็นธรรม โดยให้มีการไต่สวนพยานบุคคล ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ ในฐานะผู้เกี่ยวข้องได้อ้างไว้แล้วนั้น ให้เสร็จสิ้น ครบถ้วน ก่อนสรุปสำนวน
การที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ไม่ได้ให้โอกาสแก่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้ง แสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ และเป็นธรรม ซึ่งในเรื่องนี้ศาลปกครองสูงสุดได้เคยมีแนวคำพิพากษาไว้แล้ว ว่าเป็นการไต่สวนข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายนรวิชญ์กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้ทีมทนายความ กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน หากเห็นว่าเกิดความเสียหาย แก่นางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ จะได้ดำเนินการตามกฎหมายทั้ง ทางอาญา และทางแพ่งกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่มา: https://m.facebook.com/NorrawitSocial/photos/a.1639020283022428. 1073741830.1549395275318263/1648612702063186/?type=3&source=48