เพื่อไทย เลคเชอร์ จำนำข้าว วรงค์
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุคำแถลงพรรคเพื่อไทย (พท.) เรื่องโครงการรับจำนำข้าว ออกมาปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรือเหนือความคาดหมาย ที่พรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนพ.วรงค์ ที่พยายามทำตัวเป็นกูรูเรื่องข้าว จะออกมาตอบโต้คำแถลงของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับนโยบายจำนำข้าว เนื่องจากเป็นนโยบายที่ประจักษ์แล้วว่าให้ประโยชน์กับชาวนาสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับนโยบายประกันราคาของพรรคประชาธิปัตย์ ประการสำคัญคือเป็นนโยบายที่รัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ที่เป็นผู้หญิงแท้ๆ กลับกล้าหาญมุ่งช่วยเหลือชาวนาให้มีรายได้ดีขึ้น ไม่เหมือนกับการประกันราคาที่รัฐบาลชายอกสามศอกกลับไม่ช่วยเหลือชาวนาอย่างเต็มที่เหมือนกลัวชาวนาจะรวย แต่ที่ผิดหวังคือการตอบโต้ของผู้พยายามสร้างภาพเป็นกูรูท่านนี้ ไม่ได้ใช้ความรู้มาถกเถียงในเรื่องนโยบายเลย มีแต่การมโน รำพึงรำพันและพยายามใส่ร้ายตามความถนัด แต่เมื่อถามมาก็จะตอบให้เป็นวิทยาทาน ดังนี้
1. ที่บอกว่ามีชาวนาเข้าร่วมโครงการเพียง 2.2 ล้านครัวเรือนไม่ใช่ 3.7 ล้านครัวเรือน นั้น ช่วยกลับไปอ่านคำแถลงใหม่ คำว่า 3.7 ล้านครัวเรือนในคำแถลงของพรรคคือจำนวนครัวเรือนทั้งหมดของชาวนาที่รัฐบาลประสงค์จะยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น พรรคไม่เคยบอกว่ามีชาวนาเข้าร่วมโครงการ 3.7 ล้านครัวเรือน ส่วนที่เข้าร่วมโครงการ 2.2 ล้านครัวเรือนก็เพราะเป็นนโยบายที่ได้ผลจึงทำให้อีก 1.5 ล้านครัวเรือนสามารถนำไปขายให้พ่อค้าเองโดยไม่ต้องเข้าโครงการรับจำนำกับรัฐบาล ข้อเท็จจริงนี้อย่าลืมเอาไปบอก ป.ป.ช. ด้วยเพราะยังนั่งหลับตาท่องอยู่ว่าการรับจำนำทุกเมล็ดทำให้รัฐบาลเสียหาย เท่ากับพยานโจทก์อีกปากยอมรับแล้วว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับจำนำข้าวทุกเมล็ดอย่างที่ ปชป. กล่าวหา และ ป.ป.ช. รับลูก
2. ที่อ้างว่าแม้โครงการจำนำข้าวจะเป็นสัญญาประชาคมมาจากการเลือกตั้งและแถลงผ่านรัฐสภาหากไปไม่รอดหรือเสียหายก็ยกเลิกได้ นั้น คำตอบก็คือที่ไม่ยกเลิกเพราะเป็นนโยบายที่ดีที่ทำตามรัฐธรรมนูญและชาวนาได้ประโยชน์ นโยบายนี้ไปรอดแน่นอนหากไม่มีการสมคบคิดกันเป่านกหวีดเพื่อสร้างเงื่อนไขให้ทหารออกมายึดอำนาจ
3. ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลจะช่วยประชาชนจำเป็นต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายนั้น ขอถามกลับไปว่าแล้วที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จ่ายเงินช่วยชาวนาไป 130,000 ล้านบาทนั้น ตั้งเป็นงบประมาณไว้ก่อนแบบที่พูดหรือไม่ ส่วนที่บอกว่าเป็นการเอาไปทำมาหากินหรือทุจริตเชิงนโยบายอะไรทำนองนั้น เป็นการกล่าวหาของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตามคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลแล้วพรรคเพื่อไทยเห็นว่าควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมไม่ควรนำมาพูดกดดันศาล
4. เรื่องการระบายข้าวแบบจีทูจีก็เช่นกัน ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล นพ.วรงค์เป็นทั้งผู้กล่าวหาและพยานที่จะต้องไปให้การต่อศาล ควรจะเอาไปเบิกความในศาลมากกว่าจะเอามาพูดนอกศาล
5. ส่วนที่กล่าวหานายกยิ่งลักษณ์นั้นก็เป็นคดีความที่อยู่ในศาลแล้วเช่นกัน ที่สำคัญนายกยิ่งลักษณ์ไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตแต่อย่างใด พยานหลักฐานเหล่านี้จะนำเสนอต่อศาล แม้จะไม่มีโอกาสนำเสนอในชั้น ป.ป.ช. ก็ตาม ส่วนที่ว่ามีข้าวเน่า เสียหายหรือมีการซุกในกองข้าวนั้น ไม่ต้องกังวลเพราะมีผู้รับผิดชอบอยู่แล้วตามสัญญาฝากเก็บซึ่งเป็นสัญญาเดียวกันกับที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้ตอนเป็นรัฐบาล
6. ส่วนที่บอกว่าอายุความเรียกร้องความเสียหายทางแพ่งตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่คือ 2 ปี นั้น ขอถามนพ.วรงค์ว่าอายุความเริ่มนับตั้งแต่เมื่อไรและจะขาดอายุความเมื่อไรจึงได้เร่งรีบรวบรัดจนไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายนายกยิ่งลักษณ์ได้ต่อสู้คดี ยังมีเวลาพอที่จะให้ความยุติธรรมกับนายกยิ่งลักษณ์ในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่อายุความไม่ได้จะขาดลงในวันนี้หรือพรุ่งนี้อย่างที่พยายามเร่งรัดกัน