พท.ขอทบทวน ม.44 ขัดหลักนิติธรรม ยิ่งซ้ำเติมปัญหาประเทศ

        นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
กล่าวว่ารู้สึกสับสนกับการที่รัฐบาลมีคำสั่งใช้ ม.44 ในคดีจำนำข้าว เพราะเมื่อ 13 ต.ค.58 ที่ผ่านมา รัฐบาลว่าจะไม่ใช้ ม.44ในคดีจำนำข้าว
โดยให้เหตุผลว่า
จะไม่ใช้กลไกพิเศษในการแก้ปัญหานี้ เพราะจะทำให้ปัญหาทับซ้อนไปเรื่อย
ๆ จึงรู้สึกสับสนเพราะเวลาไม่ห่างกันเท่าไหร่กลับปรับเปลี่ยนในหลักการสำคัญซึ่งเป็นประเด็นปัญหาในเชิงหลักการของกฎหมายที่จะต้องได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นั่นคือ หลักนิติธรรม ซึ่งสำคัญยิ่งในยุคโลกาภิวัฒน์

         ดังนั้น
เมื่อรัฐบาลตัดสินใจใช้ ม.44 เพื่อคุ้มครองบุคคล
คณะบุคคล คณะทำงาน คณะกรรมการ
หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง
ทางอาญา หรือทางวินัย ตนมองว่าสุ่มเสี่ยงต่อการขัดกับหลักนิติธรรมอย่างยิ่ง
อันอาจส่งผลให้ได้รับการต่อต้านจากนานาชาติ จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมายหรือไม่

         โดยส่วนตัว
ตนเห็นว่า คดีโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่อยู่ในศาลแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และที่เกี่ยวเนื่องโดยเฉพาะการจะเรียกค่าเสียหายหรือไม่
ควรให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติ อันจะเป็นไปตามหลักนิติธรรม ซึ่งจะได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ

       ประการสำคัญที่สุดโครงการรับจำนำข้าวนั้นเหตุการณ์และห้วงเวลาไม่ได้เกิดในรัฐบาลนี้
ทั้งท่านก็กล่าวอยู่เนือง ๆ ว่า เข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
ก็ไม่น่าที่จะมากระทำการในสิ่งที่ท่านไม่ได้ก่อ โดยมาทำหน้าที่เป็นผู้เล่นเสียเอง
แทนที่จะเป็นกรรมการที่เป็นกลางดังกล่าว ซึ่งถ้าหากเห็นว่าทำผิด หรือทุจริต
ก็สามารถดำเนินการส่งเรื่องให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำหน้าที่ก็ไม่สายเกินการณ์
ถือว่าท่านได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว จึงขอฝากข้อสังเกตนี้ไว้เพื่อทบทวนในสิ่งที่ท่านได้เคยสื่อสารยังสาธารณะอย่างต่อเนื่องดังกล่าวข้างต้น
ทั้งนี้ เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ด้วยหลักนิติธรรม