“ชี้แจงประเด็นหมอวรงค์โต้ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลแถลงตัวเลขข้าวเน่าจริงและให้ยกเลิกคำสั่งที่ 39/2558”
ผมเคยตั้งใจว่าจะพยายามไม่ตอบโต้กับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (ซึ่งต่อไปนี้ผมจะรียกว่า “หมอวรงค์” ตามที่คนอื่นเรียกด้วยความตะขิดตะขวงใจ เพราะเรื่องที่เขาออกมาแสดงบทบาทก็เป็นด้านการเมืองเท่านั้น) ทั้งๆที่หมอวรงค์จะออกมาโจมตีผมทุกครั้งที่ผมออกมาแสดงความเห็นหรือเสนอแนะรัฐบาลโดยเฉพาะ (ผมค่อนข้างแน่ใจว่าหมอวรงค์ไม่ใช่รัฐบาลหรือได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้มาชี้แจงแทนรัฐบาล ถ้าเป็นก็ช่วยยืนยันให้ประชาชนทราบด้วย)
ที่ผมคิดว่าจะไม่ตอบโต้หมอวรงค์ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวศักดิ์ศรีหรือความเก่งกาจของแกนะครับ เพราะถ้าจะวัดด้วยความรู้แบละประสบการณ์ด้านบริหารเศรษฐกิจการค้าหรือแม้แต่ด้านกฎหมาย ผมน่าจะเหนือกว่าแกเยอะนะครับ (ถ้าหมอวรงค์เคยบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจหรือการค้าโดยเฉพาะเรื่องข้าวหรือเคยเป็นอาจารย์สอนกฎหมายหรือเป็นนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์เหมือนผมก็ช่วยเผยแพร่ให้ผมและประชาชนทราบด้วย) ด้วยเหตุผลแท้ๆก็เพราะว่า ผมไม่มั่นใจในความเป็นลูกผู้ชายตัวจริง(ซึ่งเป็นความรู้สึกส่วนตัวแท้ๆของผม) เพราะหมอวรงค์เคยฟ้องผมฐานหมิ่นประมาทที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก ศาลไม่รับฟ้อง หมอวรงค์จึงอุทธรณ์ สุดท้ายศาลอุทธรณ์ภาค 6 ก็วินิจฉัยว่า คดีไม่มีมูล นับว่าศาลได้ให้ความเป็นธรรมแก่ผมนะครับ
ประเด็นที่หมอวรงค์ตอบโต้ผมคราวนี้ ก็สะท้อนความรู้ความเข้าใจเรื่องข้าวของหมอวรงค์เอง ซึ่งมีอยู่ 4 ประเด็นดังนี้
1. หมอวรงค์อ้างว่าสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีการตรวจสอบคุณภาพข้าวเพียงครั้งเดียวแต่รัฐบาลนี้ตรวจใหญ่ใช้คนเยอะ ผมขอยืนยันว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้มีการตรวจสอบคุณภาพหลายครั้ง นอกจากการตรวจสอบโดยทีมของ รนม. เฉลิม อยู่บำรุง ยังมีการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการตรวจสอบและกำกับ ซึ่งมี รมว. พาณิชย์ เป็นประธาน และคณะที่ 3 คือ ทีมตรวจสอบคุณภาพข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งได้รับงบจากรัฐบาลประมาณ 59 ล้านบาท
2. หมอวรงค์พูดแทนรัฐบาลว่ามีข้าวเสื่อมถึง 5.9 ล้านตัน ซึ่งเป็นประเด็นที่ผมต้องการให้รัฐบาลออกมาแถลงตัวเลขจริงคือปริมาณข้าวเสื่อมหรือข้าวเน่าจนบริโภคไม่ได้จนต้องขายให้โรงงานผลิตเอทธานอลว่ามีกี่ตันแน่ เพราะผมเชื่อว่าน่าจะมีแค่ 1 แสนถึง 2 แสนตันเท่านั้น และถ้าถึง 5.9 ล้านตันจะทำให้ดึงราคาข้าวของรัฐบาลและราคาข้าวในตลาดตกตํ่าลงไปมาก รัฐบาลจึงควรแถลงเรื่องนี้ให้ชัดเจน โดยให้แยกว่าข้าวเกรด C ซึ่งยังบริโภคได้เพียงแต่ตกมาตรฐานเล็กน้อยมีปริมาณเท่าใด วงการค้าและประชาชนจะได้ไม่สับสนว่ามีข้าวเน่าเสียบริโภคไม่ได้จนต้องเผาทิ้งหลายล้านตัน
3. ผมขอยํ้าว่ารัฐบาลที่แล้วได้กำกับดูแลดำเนินการกล่าวหาฟ้องร้องดำเนินคดีผู้ที่ต้องรับผิดชอบโดยตลอดหลายร้อยราย
4. ประเด็นสุดท้ายเกี่ยวกับ ม. 44 ที่ผมเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 39/2558 เพื่อคืนสิทธิในการฟ้องร้องและต่อสู้คดีแก่ชาวนา เจ้าของโรงสี/โกดัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะถ้าบุคคลเหล่านี้ถูกสั่งหรือฟ้องเรียกค่าเสียหาย เช่น ค่าเสียหายกรณีข้าวเน่าเสื่อม หรืออ้างว่าข้าวปลอมปน โดยผลของ คำสั่ง คสช.ที่ 39/2558 ซึ่ง ถือว่าคำสั่งหรือการดำเนินการเหล่านั้นถูกต้องทั้งในด้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และเป็นที่สุด ผู้ออกคำสั่งและดำเนินการที่อ้างว่าสุจริตไม่ต้องรับผิดชอบทั้งในทางแพ่ง ทางอาญาและทางปกครอง จึงเท่ากับนิรโทษกรรมล่วงหน้าให้บุคคลเหล่านี้ และเป็นการลิดรอนสิทธิตามกฎหมายให้แก่ชาวนา เจ้าของโรงสี/โกดัง และเจ้าหน้าที่อื่นๆที่ถูกดำเนินการ ผมจึงขอให้รัฐบาลคืนสิทธิตามกฎหมายให้บุคคลเหล่านี้
ผมจึงขอชี้แจงให้คนทั่วไปได้เข้าใจในข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะของผม ทั้งนี้ โดยไม่ได้มุ่งหวังให้หมอวรงค์ดวงตามองเห็นธรรมนะครับ