“ยุทธพงศ์” เรียกร้อง “ประยุทธ์” แนะนำให้ บ.ฟิลลิปฯ ไปรายงานตัวต่ออัยการฯ เพื่อส่งฟ้องคดีฯ

ก่อนอื่นผมขอลำดับช่วงเวลาของคดีการหลีกเลี่ยงภาษีบุหรี่ จำนวน 68,000.-ลบ.

2 ก.ย. 2552  -กรมสอบสวนคดีพิเศษ
ส่งฟ้องต่ออัยการฯ (นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค)เป็น รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นอธิบดี DSI

3 ต.ค. 2556  -อสส.
มีคำสั่งฟ้องเด็จขาด ให้ฟ้องฯ

25 พ.ย. 2558  -อัยการฯ
ให้ส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาฟ้องต่อศาลอาญา  

       ตามที่
อัยการสูงสุด (อสส.) ได้มีคำสั่งฟ้องเด็ดขาด ให้ฟ้องคดีฯ บ.ฟิลลิปฯ
และผู้ต้องหาหลายราย ในฐานความผิด
ร่วมกันเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆในการหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงค่าภาษีศุลกากร
ตาม พรบ.ศุลกากร 2469 มาตรา 27, และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91 , (จำนวน 274 ใบขนสินค้าขาเข้า) โดยนัดหมายให้ผู้ต้องหามาพบอัยการฯ
เพื่อนำตัวไปฟ้องคดีฯ ที่ศาลอาญา ในวันที่ 25 พ.ย. 2558

       และ บ.ฟิลลิปฯ
ไม่ต้องมาอ้างเรื่องฯ ข้อพิพาทที่  WTOระหว่าง รัฐบาลไทยกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ท่านนายกรัฐมนตรี ไปประชุมเอเปค ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ก็ไม่เห็นทางรัฐบาลฟิลิปปินส์
พูดเรื่องปัญหาฯภาษีของ บ.ฟิลลิปฯ แต่อย่างใดฯ

       สืบเนื่องจากกรณีดังกล่าวฯ
ทำให้ บ.ฟิลลิปฯ ร้องขอความเป็นธรรมไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี /
ซึ่งได้มอบหมาย ให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย และ พล.อ.วิลาศ
อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มาดำเนินการในเรื่องฯนี้
จนนำมาถึงเหตุการณ์ฯการนัดประชุมฯ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2558 ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล ตามที่ผมได้แถลงข่าวฯไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่
8 พ.ย. 2558
โดยสาระสำคัญของมติฯ ที่ประชุม ที่ผมจำเป็นต้องนำมาแถลงข่าวฯ /
จากการที่ผมได้ตั้งข้อสังเกต ว่าได้มีการก้าวล่วง องค์กรอัยการฯ ซึ่ง “เป็นองค์กรตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา” เป็นเจ้าพนักงานฯตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ที่ฝ่ายบริหารราชการแผ่นดิน ไม่อาจก้าวล่วง กระบวนการยุติธรรมทางอาญาดังกล่าวฯ
ได้เพราะฝ่าย
อสส.แจ้งถึงเหตุจำเป็นที่จะต้องดำเนินการส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาฟ้องคดีฯ
ไม่อาจจะทำเป็นอย่างอื่นได้ เพราะคดีฯ ได้ถึงที่สุดโดยการสั่งฟ้องแล้ว

       แต่ในที่ประชุม
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2558 ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานฯ และได้เรียกฝ่าย อสส. มาประชุมนั้น
มีมติฯ  ว่า นายวิษณุฯ
ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ให้มาดูแล เรื่อง ที่ บ.ฟิลลิป มอร์ลิส ขอความเป็นธรรม ว่ารัฐบาลจะออกหนังสือ
ตามข้อ 3)ของเรื่องสั่งการมอบหมาย  ว่า “กรณีนี้สำนักนายกรัฐมนตรี (โดยรองฯ วิษณุ) จะมีหนังสือแจ้งให้สำนักงาน
อสส. ได้ทราบถึงเหตุผล และข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนวันที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษนัดผู้ต้องหามารายงานตัวเพื่อจะส่งฟ้องคดี (วันที่
25 พ.ย.2558)”

       ตนเห็นว่าเหลือเวลาอีก
4 วัน จะถึงวันที่ 25 พ.ย. 2558 ซึ่งผู้ต้องหาต้องไปพบอัยการฯ
เพื่อให้อัยการนำตัวไปฟ้องต่อศาลอาญานั้น ตนเห็นว่านายวิษณุฯ
คงไม่ทำหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรี มาถึง อสส.
เพราะตนยืนยันว่าการทำหนังสือดังกล่าวฯ จะเป็นการที่ฝ่ายบริหารก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
โดยไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้และการทำหนังสือดังกล่าว
จะเป็นประโยชน์ในประการที่จะช่วยเหลือผู้ต้องหาฯในคดีอาญา นี้

       ที่ผ่านมาตนไม่อยากจะเปิดเผยว่า
ใคร? ไปพูดกับใคร? พูดว่าอย่างไร? ในทำนองให้ช่วยเหลือผู้ต้องหาในคดีฯนี้ ซึ่งมีพยานหลักฐานเพียงพอ
ว่าใครดำเนินการอย่างไร? บ้าง
ในการที่จะช่วยเหลือ บ.ฟิลลิปฯ และผู้ต้องหาฯ

วันนี้
ตนเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ที่มาแจ้งสื่อมวลชน เพื่อที่จะสื่อฯ ไปถึง 

1.พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

2.นายวิษณุ
เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

3.พล.อ.วิลาศ
อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

       ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องฯนี้
ให้ดำเนินการในเรื่องที่ถูกต้อง คือ แจ้งให้ บ.ฟิลลิปฯ และผู้ต้องหา
ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการฯ ในวันที่ 25 พ.ย. 2558 จะเป็นเรื่องฯ ที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด คือ เป็นการตอบหนังสือที่
บ.ฟิลลิปฯ ขอความเป็นธรรมเพื่อมิให้มีข้อครหา ต่อเรื่องนี้ เพราะตลอดมา
พล.อ.ประยุทธ์ฯ นายกรัฐมนตรี / กล่าวเสมอว่า นโยบายของตนในฐานะ นายกรัฐมนตรี “ใครถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” เพื่อให้ชี้ ถูก/ผิด

       ดังนั้น
เรื่องนี้ ควรตอบหนังสือขอความเป็นธรรม ไปยัง บ.ฟิลลิปฯ และผู้ต้องหาทั้งหมด
ว่าให้ไปตามนัดหมายของอัยการเพื่อฟ้องคดีฯ ในวันที่ 25 พ.ย. 2558

  แทนที่จะให้นายวิษณุฯ
ออกหนังสือ สำนักนายกรัฐมนตรี ไปยัง อสส.ตนขอแจ้งว่า หากถึง กำหนดนัดฟ้องคดีฯ
คือวันที่ 25 พ.ย. 2558 บ.ฟิลลิปฯ และผู้ต้องหาฯ ไม่ไปตามนัดหมาย ของพนักงานอัยการฯ /
ตนจะเดินทางไปที่สำนักงาน อสส. ในวันที่ 26 พ.ย. 2558 เวลา 11.00 น.  เพื่อยื่นหนังสือต่อ
ท่านฯอสส.(ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์
ยุทธภัณฑ์บริภาร)เพื่อขอให้ปฎิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 141 โดย “ให้จัดการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหามา
เพื่อส่งฟ้องศาลฯ คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้”

       นายวิษณุ
เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต้องเคารพในเรื่อง “หลักนิติรัฐ” โดย ต้องกราบเรียน ต่อ ท่านนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
ว่า ที่ บ.ฟิลลิปฯ มีหนังสือขอความเป็นธรรมต่อท่านนายกฯ มา / โดยให้
ท่านนายกรัฐมนตรี แนะนำให้ บ.ฟิลลิปฯ และผู้ต้องหาฯ ไปมอบตัวต่อพนักงานอัยการฯ
ในวันที่ 25 พ.ย. 2558 นี้อย่างเดียวเท่านั้น เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม  เหมือนคดีจำนำข้าว

       สุดท้ายนี้
หากการดำเนินการดังกล่าวได้
ก็ถือว่าไม่มีการเลือกปฎิบัติที่แตกต่างไปจากคดีจำนำข้าวฯ ที่นายวิษณุฯ
ออกมาชี้แจงแถลงข่าวฯ การดำเนินการเรียกค่าเสียหาย จากคดีจำนำข้าว เป็นระยะเวลาถึง
1.30 ชม. เพื่อเร่งรัดเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี 
ทั้งที่มีข้อท้วงติงจากหลายฝ่ายฯ ว่าควรดำเนินการโดยใช้วิธีการฟ้องคดีฯ /
ดังนั้นคดีฯ นี้ ก็ควรใช้มาตรฐานเดียวกันในการนำเงินภาษีฯจำนวน 68,000.-ลบ. มาคืนให้กับประเทศชาติฯ

  `     เมื่อวานนี้ 20 พ.ย. 58 มีข่าวฯว่า
นายวิษณุฯ ไปปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยกเครื่องฝ่ายตรวจทุจริต” แนะปฎิรูป 3 เรื่อง –กฎหมาย-กระบวนการ-จิตสำนึก- ที่สำนักงาน ปปช. ถ.สนามบินน้ำ
ให้นักศึกษาหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูงรุ่นที่
6 (นยปส.6) / ผมขอเรียนนายวิษณุฯ
ว่า “ให้ช่วยเอา บ.ฟิลลิปฯ มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาลฯ ก่อนที่
นายวิษณุฯ จะไปปฎิรูปอย่างอื่นฯ”

       “ผมหวังว่า
นายวิษณุฯ จะไม่เห็นว่า จะมีประโยชน์ อะไร? มากไปกว่าการนำเงินภาษี
จำนวน 68,000.-ลบ. มาคืนให้กับประเทศชาติ และ
บุหรี่ทำลายสุขภาพคนไทย โดยเฉพาะโรคมะเร็งปอด และในแต่ละปี
มีคนไทยเสียชีวิตจำนวนมากจากการสูบบุหรี่”