“เพื่อไทย” ชี้ ร่างรธน.มีชัย ด้อยกว่าเมียนมาร์

          นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุ ไม่แปลกใจ ที่พรรคเพื่อไทย และ แกนนำนปช. ออกมาประกาศว่า จะรณรงค์ให้ประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ก็ถูกแล้ว ที่นายอุดมจะไม่แปลกใจ เพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน หลายประเด็นด้อยกว่ารัฐธรรมนูญของเมียนมาร์ ต้องยอมรับความจริงว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ แย่กว่า ฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรโณ ไม่มีหลักเหตุผลพื้นฐานประชาธิไตยที่เป็นสากล ทั้งเรื่องการให้องค์กรอิสระ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจที่อยู่เหนือฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ นายกฯ คนนอก ส.ว. ลากตั้ง ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว มีประโยชน์แค่การลดโลกร้อนแค่ใช้กระดาษน้อยลง ทุกพรรคไม่เห็นด้วย คลุมถุงชนประชาชน เขาไปเลือกส.ส.เขต กลับสร้างสูตรพิสดาร คำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อให้ไปด้วย กรธ.กำลังทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่แก้ไขไม่ได้ ต้องเดินไปตามคำสาป เปิดทางให้มีการรัฐประหารอีกหลายๆรอบ เป็นระเบิดเวลาที่ซ่อนไว้ ทำไมกรธ.ทะนงตนเกินไป ถึงไม่ฟังใคร หรือมีธงที่ปรับแก้ไม่ได้จากผู้มีอำนาจ น่าเสียดายที่กรธ.บางท่านไปเรียนมาจากต่างประเทศ แต่ขากลับลืมเอาหลักการประชาธิปไตยสากลขึ้นเครื่องบินมาด้วย เหมือนเอาโฟร์วีลเมืองนอก มาใส่ล้อเกวียน สร้างความเสียหาย นำไปสู่วิกฤติการเมืองรอบใหม่ ไม่รู้จบ หากประชาชนพร้อมใจออกมาคว่ำประชามติ แล้วท่านยังออกมาบอกว่า ไม่แปลกใจเลย แสดงว่า ท่านรู้ตั้งแต่ต้นว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา และไปต่อไม่ไหวจริงๆ


“เพื่อไทย เตือน ไก่อู หยุดใส่ร้าย ไล่ไปย้อนดูเศรษฐกิจ ท้า‘สมคิด’ ออกมาชี้ว่าบิดเบือนตรงไหน”

          นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงเหตุผลที่ไม่อนุญาตให้ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไปร่วมงานของสภาคองเกรสตามคำเชิญ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโฆษกรัฐบาลไม่มีความเข้าใจทางเศรษฐกิจเลย จึงอยากแนะให้กลับไปอ่านย้อนหลังทุกเรื่องที่นายพิชัยได้ท้วงติงรัฐบาลตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันว่าเป็นความจริงหรือไม่ เพราะหากรัฐบาลจะได้รับฟังนายพิชัยตั้งแต่แรก เศรษฐกิจก็คงจะไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ ทั้งการส่งออกที่ลดฮวบลง การลงทุนต่างประเทศที่หดหายเกือบ 80% และความเชื่อมั่นต่างประเทศตกต่ำถึงขีดสุด ประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ซึ่งถ้าเป็นผู้มีความรู้ทางเศรษฐกิจจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี จะมาใส่ร้ายกันมั่วๆไม่ได้ และถ้าหากนายพิชัยให้ข้อมูลแบบใส่ร้ายและไม่เป็นความจริง สื่อหลายสำนักคงไม่ตั้งให้เป็นกูรูเศรษฐกิจ และที่โดนเรียกปรับทัศนคติหลายหนก็เพราะทนเห็นประเทศจะย่ำแย่ไม่ได้จึงต้องออกมาเตือน แม้กระทั่งล่าสุดที่ออกมาคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2559 ว่าจะยุ่งยากและย่ำแย่ และโฆษกรัฐบาลออกมาตอบโต้ แต่พอเปิดทำงาน เศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำจริงโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน และราคาน้ำมันก็ตกต่ำเหลือ 20 กว่าเหรียญตามที่นายพิชัยคาดการณ์ ซึ่งหากรัฐบาลยังมีแนวคิดแบบเดิมไม่รับฟังข้อมูลรอบด้าน จะทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ และอยากให้คนที่รู้เรื่องอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงว่าสิ่งที่นายพิชัยพูดมานั้นใส่ร้ายและบิดเบือนหรือไม่ จะได้วัดเครดิตกัน และรัฐบาลต้องถามตัวเองว่าที่ทำอยู่จะฟื้นเศรษฐกิจได้จริงหรือ หรือแค่ทำการตลาดเท่านั้น ทั้งนี้ การที่สภาคองเกรส หรือสภาอียูจะเชิญใคร เขาต้องพิจารณาแล้วว่ามีความรู้ความสามารถ และเป็นตัวแทนของฝั่งประชาธิปไตย ถ้าหากรัฐบาลคิดว่าจะล๊อบบี้ได้ รัฐบาลก็ควรจะล๊อบบี้ให้เขาเชิญคนของรัฐบาลไปแทน และความจริงคือคงไม่สามารถพูดอะไรให้ประเทศได้เสียหายได้มากกว่าการประกาศจะปิดประเทศแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้โฆษกรัฐบาลเองที่ต้องระมัดระวังการให้ข้อมูลที่อาจเป็นการบิดเบือนแก่ประชาชน เพราะหากประชาชนเชื่อและนำข้อมูลไปตัดสินใจทางเศรษฐกิจอาจจะผิดพลาดถึงกับหมดตัวได้