“ยรรยง” โต้กลับ “วรงค์” ปมรัฐขายข้าวจีน

ยรรยงโต้กลับ’วรงค์’ ปมรัฐขายข้าวจีน ยํ้า ถ้าผู้ซื้อข้าวเอกชนและผู้ขายก็ขายข้าวของเอกชนไม่ใช่ข้าวของรัฐถือว่าเป็นการซื้อขายแบบจีทูจีหรือไม่ และจีทูจีที่รัฐบาลไทยทำกับคอฟโก้ที่ผ่านมาเป็นการขายข้าวของรัฐบาลไม่ใช่ข้าวของเอกชน

ผมจำเป็นต้องตอบโต้ ‘นายวรงค์’ อีกครั้ง แม้ผมจะมีความรู้สึกส่วนตัวที่ติดลบในระดับตํ่าสุดต่อพฤติกรรมของนายวรงค์ก็ตาม (ผมเคยระบุเหตุผลในเฟสบุ๊คเพจนี้เมื่อ 9 พ.ย. 2558) เพราะต้องการให้สังคมได้รับข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนไม่บิดเบือนนะครับ

ประเด็นแรก นายวรงค์พยายามชี้ว่าบริษัทคอฟโก้เป็นรัฐวิสาหกิจหนึ่งเดียวที่รัฐบาลจีนให้ทำสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีกับประเทศอื่นดังนั้น การซื้อขายข้าว 1 ล้านตันตามสัญญาที่กำลังดำเนินการในขณะนี้จึงเป็นแบบจีทูจีอย่างแน่นอน

ผมคิดว่านายวรงค์อาจจะเป็นประเภทฟังไม่ได้ศัพท์จับเอาไปกระเดียดหรืออาจจะเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมได้นำเสนอว่าบริษัทคอฟโก้ได้แปรสภาพเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจค้าขายทั่วไป คอฟโก้และบริษัทลูกได้จดทะเบียนขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

ดังนั้น คอฟโก้จึงอาจดำเนินการใน 2 ลักษณะ คือ เป็นผู้ซื้อขายแทนรัฐบาล และทำธุรกิจการค้าแบบหากำไรเหมือนบริษัทอื่นๆ ดังนั้นต้องดูว่าในการทำธุรกรรมแต่ละกรณีที่บริษัทคอฟโก้เป็นคู่สัญญานั้นมีวัตถุประสงค์อย่างไร

คำถามในประเด็นนี้ที่ผมเสนอให้ช่วยกันพิจารณาก็คือ ถ้าคอฟโก้ต้องการซื้อข้าวของเอกชนคือข้าวฤดูใหม่ (เพราะทราบดีว่ารัฐบาลไม่มีข้าวใหม่เพราะไม่ได้รับจำนำ)และรัฐบาลฝ่ายผู้ขายก็ทราบดีว่ามีข้าวในสต็อครัฐบาลที่จะต้องเร่งขายอยู่จำนวนมากแต่กลับไปขายข้าวของเอกชน

พูดง่ายๆว่าถ้าผู้ซื้อต้องการข้าวไปทำธุรกิจการค้าและผู้ขายก็ขายข้าวของเอกชนค้าข้าว ถ้าคู่สัญญามีวัตถุประสงค์เช่นนี้ถือว่าเป็นสัญญาแบบจีทูจีใช่หรือไม่

ส่วนที่นายวรงค์ตั้งคำถาม(เพื่อตอกหน้าผม)ว่าผมไม่ทราบหรือว่ารัฐบาลเคยทำสัญญาขายข้าวกับคอฟโก้มาตลอดรวมทั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น ผมขอย้อนถามว่านายวรงค์ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่ว่าการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีกับคอฟโก้ทุกครั้งตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ (จีนซื้อข้าวเพื่อส่งไปช่วยคิวบา)เป็นต้นมา เป็นการซื้อขายข้าวของรัฐบาลทั้งนั้น แต่ที่อาจทำให้เกิดความสับสนคือสัญญาระหว่างคอฟโก้กับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยที่ทำในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นสัญญาระหว่างเอกชนกับเอกชน ไม่ใช่สัญญาจีทูจีครับ

ส่วนเรื่องเกี่ยวกับสัญญาจีทูจี 4 ฉบับ เป็นประเด็นสำคัญของคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ผมจะไม่ตอบเพราะจะเป็นการชี้นำซึ่งผมเข้าใจว่าตามมารยาทเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ผมเข้าใจว่านายวรงค์ก็ถูกระบุให้เป็นพยานคนหนึ่งด้วยเช่นกัน

ผมเองถ้าไม่ถูกพาดพิงและถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีอดีตปลัดกระทรวง ก็คงจะไม่ชี้แจงละเอียดขนาดนี้นะครับ

ยรรยง พวงราช
21 มกราคม2559

ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1555169564802539&substory_index=0&id=1517784358541060