นายจิรายุ  ห่วงทรัพย์  อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร และ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงกรณีที่พลพรรคประชาธิปัตย์ ซีกคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพยายามออกมาชี้แจงและตอบโต้กรณี  ที่ประกาศไม่สังฆกรรม กับ มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร  ผู้ว่ากทม. ว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคนกรุง  ไม่มีอะไรในกอไผ่ เป็นการทำหน้าที่ โชว์พาวเรื่องความใสสะอาดของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้สมัคร ผู้ว่ากทม.ของพรรค  และ ไม่ใช่การเล่นปาหี่ โชว์แขก ดังที่คนกรุงตั้งข้อกังขานั้น  เรื่องนี้มีข้อน่าสังเกตที่น่าสนใจเพราะการออกมาตอบโต้กระแนะกระแหน่คนที่สอบถามเรื่องนี้ในทุกประเด็นยิ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น  เพราะคนกรุงเทพกำลังให้ความสนใจ ว่าเหตุใด ต่อมซื่อสัตย์สุจริตของ พรรคประชาธิปัตย์จึงเพิ่งทำงานในการตรวจสอบ กทม.ในช่วงนี้

         วันนี้ ควรจะอธิบายข้อสงสัยของประชาชนที่ ว่า ตกลงแล้วตัดขาดกันเลิกจูบปากกัน แค่เรื่องไม่รับโทรศัพท์หัวหน้าพรรค หรือข้อสงสัยที่เม้าทส์กันสนั่นเมืองกรุงว่า  ผู้ว่า กทม.ปิดท่อน้ำโอเอซีสแห่งเดียวของพรรคจริงหรือไม่ ขออะไรไปก็ไม่ได้จริงหรือไม่  เพราะน่าแปลกใจที่เหตุใดจะมาตรวจสอบทุจริต กทม.ในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่ผู้ว่ากทม.เป็นของประชาธิปัตย์มากว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน กรณีรถเรือดับเพลิงของกทม.เอกสารเปิด LC เห็นๆทำไมเงียบจริง  อย่าง CCTV ดัมมี่ ตอนพรรคเพื่อไทยตรวจสอบใน กรรมมาธิการซีก ประชาธิปัตย์ก็เป็นอยู่ด้วยก็ไม่เห็นจะช่วยตรวจสอบอะไร มีแต่ปกป้องกันใช่หรือไม่

         นายจิรายุ  กล่าวอีกว่า “การติดตามตรวจสอบเรื่องต่างๆ ของ  กทม.สำนักงานปราบโกง  ของพรรคเพื่อไทยก็ดำเนินการ มาอย่างต่อเนื่อง  เพียงแค่พลพรรคประชาธิปัตย์ซีกนายอภิสิทธิ์ หากอยากจะตรวจสอบจริงๆ ก็ไปขอดูเรื่องได้อย่าง CCTV  ก็ชัดเจนเรื่องก็อยู่ที่ สตง, ปปช.DSI  เรื่องต่อสัญญา BTS ไปอีก30 ปี พรรคเพื่อไทยก็แจ้งความทั้ง DSI, ปปช. และยังมีเรื่องของ กทม.อีกเป็นกระบุง  จะมีใหม่สุดก็ก็เรื่องติดไฟโชว์  39  ล้านนี่แหระที่น่าสนใจ  ช่วยสอบให้ไกลไปให้สุด ทีเถอะจะได้รู้ว่า หมู่หรือจ่า เพราะหากต่อมตรวจทุจริต  กทม.พรรคประชาธิปัตย์ทำงานมาตั้งแต่เมื่อ 4-5 ปีก่อนรับรองจะ..ปัง…มาก