“สุรพงษ์” เย้ย “คสช.” ชี้โพลล์หลอกตัวเอง

          นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าแบบสอบถามที่สำนักต่างๆไปถามกลุ่มคนเพียง1200-1350คน แล้วมาสรุปกันเป็นตุเป็นตะ ว่าประชาชนเชื่ออย่างนั้นอย่างนี้มากกว่า 60-70เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะการบอกว่าประชาชนเห็นด้วยกับรธน. ว่าต้องเชื่อฟังท่านนายกประยุทธ์ และนายมีชัย มากกว่าเชื่อฝ่ายการเมือง ซึ่งในแง่วิชาการก็ดูดีแต่ความน่าเชื่อถือของการทำโพลที่เอาใจผู้มีอำนาจหรือตั้งใจที่จะชี้นำสังคมนั้นมันอันตรายอย่างยิ่งและคนที่โพลไปถามมานั้นเป็นกลุ่มคนเดิมๆที่ฝักใฝ่แนวทางการรัฐประหารมากกว่าแนวทางประชาธิปไตยหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ มันจึงทำให้เราไม่ได้อยู่กับความเป็นจริง มันกลับกลายเป็นว่าพวกเรากำลังหลอกตัวเอง และมีขบวนการหลอกคนอื่นให้หลงเชื่อตามพวกตนเอง และใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างมากสำหรับสังคมไทยและอนาคตของประเทศไทย  

          ยิ่งในขณะนี้รัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ก็อยู่ระหว่างการที่หลายฝ่ายออกมาเสนอแนะและก็แสดงเหตุผลต่างๆนาๆนั้น ก็มีบางฝ่ายบางกลุ่มที่พยายามเรียกร้องและท้วงติงเพื่อให้ได้มาซึ่งรธน. ที่เป็นประชาธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริง  แต่บางคณะบางกลุ่มก็ออกมาเรียกร้องสิ่งที่ล้วนแต่เป็นประโยชน์กับฝ่ายของตนเองทั้งสิ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจวาสนานั่งในตำแหน่งต่างๆชนิดไม่ต้องออกแรง บางฝ่ายก็ออกมาแสดงความคิดเห็นโดยมีวาระซ่อนเร้นอย่างชัดเจนเพื่อหวังที่จะสืบทอดอำนาจของพวกพ้องน้องพี่ต่อไป บ้างก็ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ให้ดูเป็นพระเอกและแทงกั๊กอยู่ตลอดเวลา บ้างก็พยายามแสดงบทบาทว่าเป็นคนใจเปิดกว้างมีเหตุมีผลเพื่อให้ตัวเองดูดีและพยายามจะสั่งสอนให้คนนั้นคนนี้เปิดใจกว้างให้ยอมรับรธน และขอให้ท้วงติงอย่างมีเหตุผล ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ารธน ฉบับนี้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากลจะยอมรับได้ แต่ด้วยพฤติกรรมของพวกตนเองที่ผูกโยงอยู่กับเผด็จการรัฐประหารมาโดยตลอดและก็เป็นต้นเหตุให้เกิดการปฎิวัติรัฐประหารเมื่อ22พค 57ที่ผ่านมา คำถามจึงเกิดขึ้นว่า แล้วแบบนี้พวกเราจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกันได้อย่างไร  และร่างรธน.ฉบับนี้ยังเป็นรธน ที่ยากที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้โดยรัฐสภา นอกเสียจากว่าจะต้องมีการปฎิวัติรัฐประหารและฉีกรธน ทิ้งกันอีกรอบหนึ่งเท่านั้น จึงจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ฃึ่งเปรียบเสมือนการสืบทอดทายาทเอาไว้ เพื่อให้เกิดการปฎิวัติรัฐประหารในอนาคตดังนั้นถ้าจะให้ดีก็อยากให้หัวหน้าคสช ตัดสินใจให้ทุกฝ่ายออกมารณรงค์กันให้เต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงและรับรู้ความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อที่ประชาชนจะได้ตัดสินใจได้เต็มที่ตอนทำประชามติว่าจะรับหรือไม่รับ. วิธีเช่นนี้น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก่อนที่คสช จะเดินเข้าสู่สภาวะการที่ยุ่งยากลำบากและไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนคนไทยและประชาคมโลก และก็ถึงเวลาแล้วที่คสช ต้องตัดสินใจประกาศให้ชัดเจนได้แล้วว่าถ้าร่างรธน ไม่ผ่านประชามติ คสชจะทำอย่างไรต่อไป เพราะหมดเวลาแล้วที่คสช จะดึงเกมเพื่อเล่นต่อหรือจะต่อเวลาออกไปได้อีกแล้ว 

          ผมเชื่อว่าบรรดาพ่อค้า นักธุรกิจ ผู้ประกอบการค้าขายการลงทุน ผู้ส่งออก ทั้งหลายคงจะทนรับไม่ไหวกับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้อีกต่อไป โดยเฉพาะชาวไร่ ชาวนาและชาวสวน ตลอดจนชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำที่ต้องทนทุกข์อยู่กับความยากลำบากอยู่จนถึงทุกวันนี้. เขาก็คงอดทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน