“เพื่อไทย” ชี้ นโยบายจำนำข้าวไม่ผิด แล้วผู้กำกับนโยบายจะผิดได้อย่างไร
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจากโครงการรับจำนำข้าว ระบุตัวโครงการจำนำข้าวไม่ก่อความเสียหาย แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผิดพฤติการณ์ ว่า ถือเป็นตรรกะที่ย้อนแย้ง ตัวนโยบายไม่ผิด แต่จะให้นายกฯซึ่งเป็นผู้กำกับนโยบายผิด ทั้งที่โครงการรับจำนำข้าว ดำเนินการในรูปแบบของคณะบุคคล แต่งตั้งโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกชื่อว่า “คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ” หรือ”กขช.” ประกอบด้วยกรรมการจำนวน 24 คน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเสนอกรอบนโยบาย การอนุมัติแผนงาน โครงการและมาตรการเกี่ยวกับการผลิตและการตลาด รวมถึงการติดตาม กำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบาย มาตรการและโครงการที่อนุมัติ นอกจากนี้ กขช. ยังได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 2 ชุด รับผิดชอบงานด้านปฏิบัติการประกอบด้วย (1) คณะอนุกรรมการกำกับดูแลการจำนำข้าว และ (2) คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ตามคำสั่ง กขช. ที่ 4 และ 5/2554 ลงวันที่ 12 กันยายน 2554 ทั้งสองฉบับ โครงการรับจำนำข้าวเปลือก เป็นโครงการแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกเพื่อช่วยเหลือชาวนาอันเป็นนโยบายสาธารณะทางเศรษฐกิจตามมาตรา 84 (8) ของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่บัญญัติให้รัฐต้อง “คุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรในการผลิตและการตลาด ส่งเสริมให้สินค้าเกษตรได้รับผลตอบแทนสูงสุด” มีผลเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เกษตรกรเกิดกำลังซื้อเพื่อให้เกิดการบริโภค จึงไม่ใช่การค้าขายโดยรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ สามารถช่วยชาวนาได้กว่า 4 ล้านครัวเรือน หรือกว่า 10 ล้านคน ดังนั้น ผลสอบที่บอกว่าการดำเนินนโยบายจำนำข้าวไม่ผิด ไม่ก่อความเสียหาย ถือเป็นการยืนยันอีกครั้งว่า โครงการจำนำข้าวไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยยืนยันตอกย้ำเสมอมา
ดังนั้นเมื่อโครงการรับจำนำข้าว เป็นนโยบายที่ถูกต้อง ไม่ผิด ไม่ก่อความเสียหาย แล้วจะไปดำเนินคดีหรือให้ท่านอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายใดๆได้อย่างไร เพราะเมื่อนโยบายไม่ผิด ผู้กำกับนโยบายก็ยิ่งต้องไม่ผิด การช่วยเหลือเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นหน้าที่ของทุกรัฐบาล โครงการรับจำนำข้าวก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทั้งกับเกษตรกรที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมโครงการ เป็นมูลค่ามหาศาล ส่วนเรื่องทุจริตคอรัปชั่นในระดับปฏิบัติการหรือระดับใด หากตรวจสอบพบ ก็ต้องเร่งดำเนินการเอาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ไม่ใช่จ้องจะมาเอาผิดกับผู้กำกับนโยบาย