“ชวลิต” ติง “วรงค์” รับเป็นพยานฝ่ายโจทก์ แต่ทำตนเสมือนเป็นโฆษกฝ่ายโจทก์ ให้ข่าวคดีจำนำข้าวรายวัน

“ชวลิต”ติง”วรงค์”รับเป็นพยานฝ่ายโจทก์
แต่ทำตนเสมือนเป็นโฆษกฝ่ายโจทก์ ให้ข่าวคดีจำนำข้าวรายวัน

         นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
กล่าวติง นพ.วรงค์เดชกิจวิกรม
อดีต ส.ส.พิษณุโลกปชป.กรณีให้ข่าวคดีจำนำข้าวเป็นรายวัน
นอกจากนั้น ยังรับเป็นพยานฝ่ายโจทก์อีกต่างหาก ทั้งๆ
ที่โดยข้อเท็จจริงแล้วนพ.วรงค์ ฯ ได้แสดงตนเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับ พรรคเพื่อไทยค่อนข้างชัดเจนมาตลอด
ทั้งในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ในสภาผู้แทนราษฎร และตามหน้าสื่อมาอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น
การมารับเป็นพยานฝ่ายโจทก์โดยมีพื้นฐานที่เป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อกันย่อมมีอคติเจือปนอย่างแน่นอน

       นายชวลิต ฯ กล่าวว่า ตนเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมเดินทางไปกับคณะน.ส.ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปกราบสักการะ
หลวงพ่อบ้านแหลม พระประธานวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ซึ่งท่านเจ้าอาวาสพระเทพสมุทรโมลี
ท่านเมตตาท่านได้ถามนายก
ฯ ยิ่งลักษณ์ ฯ ว่า ติดตามข่าวอยู่ “ข้าวไม่หายใช่ไหม ?”ซึ่งท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ฯ
และคณะก็ตอบไปพร้อมกันว่า “ข้าวไม่หาย” 
การตอบดังกล่าว ไม่ใช่การมุสา
ไม่ใช่เชื่อข้าราชการที่ให้ข่าวว่าข้าวไม่หายเท่านั้นแต่คณะของเราทราบข้อมูลจากท่านยรรยง
พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ ให้ข้อมูลว่า”รัฐบาลปัจจุบัน ได้ตั้งอนุฯตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าว
โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุลเป็นประธาน รายงานผลปริมาณข้าวเหลือในสต๊อก นับได้รวม 
18.56 ล้านตัน จึงแทบไม่มีข้าวสูญหายเลย”เป็นความเชื่อจากข้อมูลที่ได้รับโดยสุจริตใจ จึงตอบไปดังกล่าวพร้อมกัน

        แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้อาจจะมีข้าวหาย
หรือไม่ก็ตาม ในทางปฏิบัติ ก็จะมีผู้รับผิดชอบเป็นขั้น เป็นตอน ไม่ใช่นายก ฯ
จะต้องรับผิดชอบทุกรายละเอียดความจริงตนเป็นคนเคารพความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
แม้จะเป็นความเห็นต่าง โดยเฉพาะความเห็นที่เป็นหลักการสำคัญในเรื่องนั้น ๆ
ยิ่งเป็นนักการเมือง ยิ่งต้องรับฟัง แต่มิใช่เป็นความเห็นที่อคติ พร่ำเพ้อ
ให้ความเห็นเป็นรายวัน ทั้งถ้อยคำที่ใช้ยังเสียดสี
เกินกว่าที่วิญญุชนทั่วไปจะใช้กับสุภาพสตรีผมคงให้ความเห็นเพียงเท่านี้
จะไม่ตอบโต้อะไรอีกแล้ว เพราะไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน เพียงแต่จะทำความเข้าใจกับสาธารณชนให้ทราบข้อมูลอีกด้าน