คำแถลงพรรคเพื่อไทยวิพากษ์ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ “มีชัย” (ฉบับย่อ)
การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตั้งแต่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีนายบวรศักดิ์
อุวรรณโณ เป็นประธาน จนถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน
เป็นเพียงละครน้ำเน่าทางการเมือง เช่นเดียวกับการร่างรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน
ภายหลังการรัฐประหารบนเส้นทางประชาธิปไตย 80 ปีเศษ
พรรคเพื่อไทยจึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายและพี่น้องประชาชนได้ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ถึงปัญหาร้ายแรงที่บ้านเมืองกำลังเผชิญอยู่
และเราทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขโดยเร่งด่วน
ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.
ประเทศต้องปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันเป็นที่ยอมรับของสากล
ประเทศในโลกเกือบทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งแม้จะแตกต่าง
กันบ้างในรูปแบบ
แต่จะมีหลักการและโครงสร้างที่เป็นสากลเหมือนกัน นั่นคือ
มีรัฐธรรมนูญเป็นกติกาสูงสุดเพื่อการอยู่ร่วมกัน และการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลหนึ่งสู่อีกรัฐบาลหนึ่งอย่างสันติ
โดยการตัดสินใจอย่างอิสระของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
มีการแบ่งแยกการใช้อำนาจในองค์กรหลักๆ เช่น รัฐสภา รัฐบาล ศาล
หรือแม้แต่องค์กรอิสระอย่างมีดุลยภาพ มีการรับรองคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ
และการมีส่วนร่วมของประชาชนและของภาคส่วนต่างๆ ของสังคมอย่างทั่วถึง เป็นรูปธรรม
มีการจำกัดและตรวจสอบอำนาจขององค์กรต่างๆ ที่ใช้อำนาจรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ มีการเคารพในสิทธิมนุษยชนและพันธกรณีระหว่างประเทศ
ทั้งนี้บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า
รัฐธรรมนูญไทยฉบับถาวรในอดีตหลายฉบับ มีความเป็นประชาธิปไตยตามหลักสากล และผสมผสานความเป็นไทยได้อย่างเหมาะสมมาอย่างต่อเนื่อง
โดยผ่านการปรับปรุงพัฒนาผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชนมาโดยลำดับ
แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า ประเทศของเราต้องตกอยู่ภายใต้การยึดอำนาจปกครองโดยคณะทหารประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับอยู่
และประกาศใช้รัฐธรรมนูญแบบชั่วคราวที่เป็นเผด็จการที่ตนเองร่างขึ้น
ตั้งองค์กรฝ่ายต่างๆ มาใช้อำนาจอธิปไตยโดยความคิดของเนติบริกร
เพื่อให้ดูชอบธรรมว่ามิได้ใช้อำนาจสิทธิขาดโดยลำพัง แต่แท้ที่จริงแล้วคือ การยกอำนาจของปวงชนชาวไทยให้แก่ผู้ยึดอำนาจการปกครองประเทศ
ยึดอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทย โดยสถาปนาตนเองว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ด้วยเหตุนี้การล้มล้างรัฐธรรมนูญจึงเป็นการล้มล้างกติกาและองค์กรตามระบอบประชาธิปไตยที่ดำรงอยู่
ด้วยการให้ผู้ทำรัฐประหารมีอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งทางนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ
โดยศาลเองก็รับรองแนวคิดเผด็จการเช่นนี้เรื่อยมา
ซ้ำยังยอมรับการนิรโทษกรรมตนเองของพวกรัฐประหารที่ล้มล้างทุกอย่าง
ว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญอีกด้วย
2.
ต้องยุติการใส่ร้ายและทำลายพรรคการเมืองและบุคลากรทางการเมือง
ขณะนี้มีการใส่ร้ายและทำลายพรรคการเมืองและนักการเมืองในภาพรวมว่าเป็นสิ่งไม่ดี
ได้
อำนาจมาด้วยการซื้อเสียง
มีการทุจริต และสร้างความเสียหายในการบริหารบ้านเมือง เลยเถิดไปถึงกรณีว่าไม่จงรักภักดี
และสร้างความแตกแยก จนแม้นายมีชัยฯ ยังสร้างวาทกรรมว่า ร่างรัฐธรรมนูญของตนเป็น
“ฉบับปราบโกง”
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าในทุกอาชีพไม่ว่าจะภาครัฐหรือเอกชนล้วนมีคนดีและคนไม่ดี ในทุกองค์กรย่อมมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน
เป็นเช่นนี้ทั้งโลก ในวงการข้าราชการรวมถึงทหาร ก็มีการเล่นพวก วิ่งเต้นตำแหน่ง มีการทุจริตในโครงการต่างๆ แม้แต่ศาลและองค์กรอิสระ
ก็มีกรณีที่เห็นได้ว่าเป็นไปแบบสองมาตรฐานเพราะเลือกปฏิบัติโดยใช้อคติ ดังนั้นการปราบโกงโดยแท้จริงจึงต้องมีมาตรการสำหรับทุกๆ
ฝ่ายที่ใช้อำนาจรัฐ มิใช่มุ่งแต่ฝ่ายการเมือง
พรรคการเมืองและนักการเมืองจะดีหรือไม่ดี
ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่ตัดสินโดยเผด็จการหรือบุคคลที่ไม่เคารพอำนาจตัดสินใจของประชาชนและดูถูกประชาชน
และหากกระทำผิดกฎหมายก็ว่าไปตามหลักกฎหมายอย่างยุติธรรม ปราศจากอคติ
ที่กล่าวมาข้างต้น
คือปัญหาที่เราต้องช่วยกันวิเคราะห์ถึงต้นเหตุ และหาทางแก้ไขร่วมกัน
ไม่ใช่ยกตัวเองว่าดี และด่าว่าผู้อื่น หรือเอาดีใส่ตัวเอง เอาชั่วใส่คนอื่น
คณะรัฐประหารเมื่อกันยายน
2549 ได้ประกาศอย่างชัดเจนถึงบันได 4 ขั้นว่า
เหตุผลของการยึดอำนาจคือ 1. โค่นล้ม “ทักษิณ” 2. ยึดทรัพย์และดำเนินคดีกับทักษิณ 3. ยุบพรรคไทยรักไทย ห้ามกรรมการบริหารพรรคเล่นการเมือง 5 ปี 4. เปลี่ยนขั้วการเมือง
ให้พรรคการเมืองใหญ่อีกพรรคหนึ่งเป็นรัฐบาล ซึ่ง 3 ขั้นแรกผ่านไปอย่างสะดวก
ด้วยการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เช่น การยุบศาลรัฐธรรมนูญและตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นแทน
การออกประกาศ คปค.ว่าถ้าพรรคการเมืองถูกยุบ กรรมการบริหารทุกคนจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง
5 ปี
ซึ่งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญก็นำเอาเหตุที่พรรคการเมืองบางพรรคกล่าวหาว่ากรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
2 คนจ้างพรรคเล็กมาเป็นเหตุในการยุบพรรค
และตุลาการเสียงข้างมากก็วินิจฉัยว่าประกาศ คปค.
มีผลย้อนหลังไปตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คนได้ แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านมา
10 ปี ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ไม่ปรากฏว่ามีคนของพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็ก
กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกกล่าวหาถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ สรุปคือแม้จะถูกกลั่นแกล้ง
ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ถือว่าช่วยไม่ได้ การปกครองแบบนี้ใช่ไหมที่ภูมิใจว่าดีกว่าของนักการเมือง
ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ
ในเดือนกันยายน 2551 ได้วินิจฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะร่วมรายการ
“ชิมไปบ่นไป” ที่นายสมัครฯ เป็นพ่อครัวในรายการมาตั้งแต่ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี
ครั้นเมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน
พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยแบบกระทันหันในวันที่ 2 ธันวาคม 2551
เป็นผลให้นายสมชายฯ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนรวม 109 คนถูกตัดสิทธิการเมือง
5 ปี ในที่สุด แผนบันได 4 ขั้น ก็เป็นจริงเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ 17
ธันวาคม 2551
3.
ร่างรัฐธรรมนูญนายมีชัยฯ ตอบโจทย์อะไร
การที่นายมีชัยฯ
จะใช้ระบบเลือกตั้งแบบนายบวรศักดิ์ฯ แต่เปลี่ยนแปลงบางส่วน
เช่นใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว สว.มาจากการสรรหาทั้งหมด
นายกรัฐมนตรีเป็นคนนอกได้ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรควบคุมและตัดสินทุกองค์กร
และตีความรัฐธรรมนูญได้ตามใจชอบ การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยผู้ที่มาจากการเลือกตั้งไม่อาจเป็นไปได้เลย
วางคุณสมบัติและข้อห้ามคนจะเป็นนักการเมืองไว้เข้มงวด ฯลฯ จนตั้งฉายาฉบับของตนว่า “ฉบับปราบโกง” นี่ยังไม่นับการซ่อนเงื่อนอีกมากมายเพื่อทำลายอำนาจของประชาชนที่จะไปเขียนไว้ในกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ทั้งหมดนี้น่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่า ขบวนการเหล่านี้กำลังทำอะไร
เรื่องความสมานฉันท์ปรองดองนั้นเลิกคิดไปได้ เพราะเป็นเพียงวาทกรรมเพื่อทำให้พวกตนดูไม่น่าเกลียด
เรื่องปฏิรูปก็ทำเป็นคึกคักพอเป็นพิธีเพื่อใส่ร้ายว่าการบริหารบ้านเมืองโดยนักการเมืองไม่ดี
ต้องมีการปฏิรูป
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยฯ
กำลังวางเงื่อนไขให้เกิดบันได 4 ขั้นใหม่ เพื่อเสริมและต่อยอดให้กับบันได 4
ขั้นเดิม นั่นคือ 1. พรรคเพื่อไทยต้องไม่ได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง
2. ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมาก
หรือข้างมากเด็ดขาดและเป็นรัฐบาลก็จะเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอที่สุด แก้ปัญหาอะไรไม่ได้
หรือมิเช่นนั้นก็ต้องยอมสนับสนุนคนนอกพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี 3. การขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอนาคตไม่ต้องอาศัยการรัฐประหาร
แต่ทำได้โดยศาลรัฐธรรมนูญ 4. ในทุกกรณีประเทศจะถูกปกครองเชิงลึกโดยองค์กรและกลไกของคนส่วนน้อยที่ไม่ได้มาจากประชาชน
การพยายามยกหลักการโน้น
หลักการนี้และมาตราต่างๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นเพียงวาทกรรมของพวกเนติบริกร
ที่ไม่เคยมีความจริงใจให้แก่ใคร ไม่เข้าใจประชาธิปไตยหรือคำว่าอำนาจของประชาชน เพราะพวกเขามีตำแหน่งอยู่ในแทบทุกรัฐบาลในช่วง
40 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่ารัฐบาลแบบใด
พรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่า
สังคมต้องเข้าใจให้เท่าทันความคิดและผลประโยชน์ของพวกเนติบริกร
และต้องช่วยกันหยุดยั้งไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญเช่นนี้
ทำร้ายประเทศและประชาชนอย่างไม่มีวันสิ้นสุดต่อไป
4.
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยฯ
จะทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียหายอย่างไร
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าประชาชนจะสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ
80 ปีเศษ ดังนี้
1.
อำนาจอธิปไตยที่ถือเป็นของปวงชนชาวไทยมาตั้งแต่
พ.ศ.2475 จะไม่มีความหมาย เพราะประชาชนไม่อาจตัดสินใจเลือกตั้งผู้แทนของตนในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างอิสระอีกต่อไป
และไม่มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
สิทธิเสรีภาพ
การมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจอธิปไตย การได้รับสวัสดิการด้านสาธารณสุข หลักประกันสำหรับราคาพืชผลการเกษตร
การชุมนุมเรียกร้องและการแสดงความคิดต่างๆ
ฯลฯ จะถูกลิดรอนไปอย่างมาก จนเหลือเพียงแค่ไปลงคะแนนเลือกตั้งด้วยบัตรเพียงใบเดียว
ทั้งๆ ที่เลือกผู้แทน 2 ประเภท
2.
นโยบายพรรคการเมืองที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกส่วนในสังคม
โดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้และเสียเปรียบจะถูกองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ
วินิจฉัยว่าเป็น “ประชานิยม” ขัดต่อหลักการเศรษฐกิจของรัฐธรรมนูญ
และอาจขัดต่อยุทธศาสตร์ชาติที่คณะรัฐประหารชุดนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้บังคับต่อไปอีก
20 ปี ทั้งๆ ที่นโยบายหลายเรื่องนั้นเป็นไปเพื่อสร้างโอกาสและความเข้มแข็งในการทำมาหากิน
ช่วยลดรายจ่าย กระจายรายได้
และสร้างความเป็นธรรมในทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่อิงกับเผด็จการหากมีนโยบายเช่นนั้นบ้าง
ก็จะได้รับการตีความว่าเป็น “ประชารัฐ” คือทำได้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
3.
แม้ประชาชนจะลงคะแนนอย่างท่วมท้นเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นรัฐบาล
แต่ถ้าพรรคการเมืองนั้นไม่ยอมให้กับอำนาจนอกระบบ เช่น การสนับสนุนคนนอกพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคการเมืองนั้นก็จะถูกขัดขวางจากศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ
และการใช้อำนาจนอกระบบที่ขัดหลักนิติธรรมจนตั้งรัฐบาลไม่ได้ หรืออาจถูกยุบพรรคด้วยเหตุต่างๆ
เช่นในอดีต และแม้หากตั้งรัฐบาลได้ ก็ต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากท่วมท้น
แต่อ่อนแอที่สุด
4.
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยฯ
กำหนดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ได้ยากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
จนถึงขั้นที่พรรคการเมืองที่ได้ชัยชนะการเลือกตั้งถึงร้อยละ 90 ก็ยังแก้ไขไม่ได้
5.
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยฯ
มุ่งปกป้องการรัฐประหาร ผู้ทำรัฐประหารและผู้ปฏิบัติงานที่ร่วมมือกับคณะรัฐประหาร
รวมถึงตัวนายมีชัยฯ และพวกอย่างชนิดไม่อายฟ้าดิน
ไม่เห็นหัวประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย มีผลประโยชน์ทับซ้อน
และไม่สนใจสังคมโลกที่ต้องการเห็นการเคารพหลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชนและพันธกรณีระหว่างประเทศ
เพราะ
นายมีชัยฯ
ซึ่งเป็นหนึ่งใน คสช. ให้คง คสช. และอำนาจของหัวหน้า
คสช. ซึ่งเป็นทั้งนิติบัญญัติ
บริหารและตุลาการไว้ในบทเฉพาะกาลจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งยาวนานถึง 15 เดือนเศษ
นับตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญใหม่ และยังรับรองการนิรโทษกรรมตนเองของ คสช. ตามรัฐธรรมนูญ
2557 ตลอดจนให้ถือว่าการกระทำของ คสช.
รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่อง
ไม่ว่าของบุคคลใดชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายทั้งสิ้น (แม้ว่าจะมีการทุจริตทำผิดกฎหมาย
ล้มล้างรัฐธรรมนูญก็ตาม)
พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงมากหรือน้อย
จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ขอให้ประชาชนได้ตัดสินอนาคตของเขาอย่างอิสระภายใต้บรรยากาศที่เป็นธรรม
และเคารพการตัดสินใจของประชาชนอย่างแท้จริง และที่สำคัญยิ่งคือ ประชาชนควรจะมีโอกาสอย่างแท้จริงที่จะได้พิจารณาตัดสินใจเลือกกติกาที่จะมากำหนดทิศทางประเทศ
เป็นกติกาที่เอื้อต่อการพัฒนาฟื้นฟูประเทศ และเป็นกติกาที่จะไม่ส่งผลเสียหายต่อประเทศในระยะยาว
แม้ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ “มีชัย”
จะมีเป้าหมายเพื่อลิดรอนและกำจัดพรรคเพื่อไทยเป็นการเฉพาะ
ดังที่ได้ชี้ให้เห็นแล้วข้างต้น
พรรคเพื่อไทยมิได้วิตกกังวลไปกับกรณีดังกล่าว มากไปกว่าความห่วงใยต่อผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศชาติและประชาชน
ความห่วงใยต่อการเคารพอำนาจอันแท้จริงของพี่น้องประชาชน
ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย.
พรรคเพื่อไทย
20 กุมภาพันธ์ 2559
(Abridged)
Pheu Thai Party StatementCritical comments
on Meechai’s draft constitution
The drafting of the new
constitution by the Constitution Drafting Committee chaired by Bavornsak Uwanno
to the present Constitution Drafting Committee chaired by Meechai Ruchuphan is
just a political soap opera similar to other past efforts to draft charters
after coup d’états that has occurred during these 80 plus years of democracy.
Phueu Thai Party thus call for all
involved and the people to fully realise the grave issues confronting the nation
that requires everyone to urgently help address as follows:
1. The nation must be under democratic rule
that is internationally accepted
Nearly
every nation on earth adopt democratic rule which albeit has certain
differences but are based on similar internationally accepted principles and
framework. That is to have the constitution as the highest rule for all to live
peacefully together and allow transition from one government to another in
accordance with the liberal mandate of the people who is the owner of sovereign
power. There must be division of power that is balanced between various
organizations such as the House of Representatives, the Government, the Courts and
even the Independent Agencies. There must be guarantee of the rights and
liberty and allow the people and various sectors of the society to participate
in a comprehensive and tangible manner. Boundaries and supervision must be
imposed on organizations that exercise power of the State. Human rights and
international obligations must be respected based on the Rule of Law.
Pheu Thai Party
sees that many previous Thai constitutions were democratic as per international
standard while also appropriately blending in Thai style which has been refined
throughout the years by the continuous participation of the people.
Unfortunately
our nation is under military rule and the junta has repealed the constitution that
was enacted and promulgated an interim constitution written by themselves which
is autocratic. Agencies to exercise sovereign power was established by the serving
lawmakers to make the junta appear justified for not wielding absolute power on
their own. However in reality this is surrendering sovereign power of the Thai
people to those that seized power by establishing themselves as the “sovereign
state”. For this reason repealing the constitution overthrows the rules and
bodies under existing democratic rule by granting the junta absolute legislative,
executive and judicial power. The court themselves have supported such notion all
along and even accepted self-amnesty of the coup makers who has overthrew everything
by deeming their actions as legitimate and constitutional.
2. Accusing political parties and politicians
must cease
Currently
there is mudslinging and attacking political parties and Thai politicians in
general by portraying them as wicked and obtained power by vote buying. They
are corrupt and caused damage to national administration. The allegation goes
as far as being disloyal and creating disunity. For this even Mr. Meechai called
the charter he drafted “anti-graft”. Pheu Thai Party sees that in every
profession whether government or private sectors there are good and bad people.
In every organization there are strengths and weaknesses. This is found
everywhere. Even in military circles there is favoritism, lobbying for position
and corruption in various projects. Even the courts and the independent
agencies has cases of double standard and partial conduct due to bias. Thus
suppressing corruption requires measures that involve every party that exercise
power of the state and not only emphasize those in the political branch.
Whether
a certain political party or politician is good or bad it is up to the people
to decide and not determined by dictatorship or by people who have no respect
for the mandate of the people and look down on them. Also when an offense is
committed it must be handled according to legal principles that is just and
without bias.
The issues
mentioned require everyone to jointly analyze to identify the cause and
resolution and not boasting oneself as good and blaming others or taking the
credit for oneself while putting evil on others.
On
September 200 the junta clearly stated the “4 step plan” which is the reason
for the coup. This was to 1. Overthrow “Thaksin” 2. Seize assets and
litigate Thaksin 3. Dissolve Thai Rak Thai Party and ban party executive
directors from politics for 5 years 4. Switch political reins and let
the other key political party become the government. The first 3 steps has been
expediently achieved by distorting justice in a manner never seen before such
as dissolving the Constitutional Court and establishing a Constitutional
Tribunal in its place to issue CDR orders barring all executive directors from
politics for 5 years should their political party be dissolved. The
Constitutional Tribunal cited the incident where a certain political party
accused two executive directors of Thai Rak Thai Party for hiring smaller
political parties in the election as the cause for dissolving the Party.
Majority of the Constitutional Tribunal ruled that the CDR order could
retroactively ban the 111 executive directors of Thai Rak Thai Party. However
10 years later the Supreme Court ruled in accordance with the Appeal Court that
it fail to substantiate that people in Thai Rak Thai Party hired smaller political
parties and the executive directors accused were found to be innocent. To
conclude, although there is mistreatment and denial of justice but it is
unfortunately so. Is this the kind of rule that can take pride as be better
than that of the politicians?
Later
in September 2008 the Constitutional Court ruled Samak Sundarvej be dismissed
from the position of Prime Minister because he attended the TV program “Shim
Pai Bon Pai” which Mr. Samak used to be the chef in the program even before he
became Prime Minister. And when Somchai Wonsawat became Prime Minister the
Constitutional Court again ruled to abruptly dissolve Palang Prachachon Party,
Chart Thai Party and Machima Thiptai Party on the 2nd December 2008 which
resulted in Mr. Somchai and the 109 executive directors of Palang Prachachon
Party were banned from politics for 5 years. Finally the 4 step plan became a
reality when Abhisit Vejjajiva assumed the position of Prime Minister on 17th
December 2008.
3. What does the draft charter by Meechai try
to resolve?
Meechai’s draft charter adopted an
electoral system similar to Bavornsak’s draft charter but has some changes such
as using a single ballot, all senate must be appointed, the Prime Minister can
be an outsider (non-MP), the Constitution Court becomes the body that controls
and make ruling on every organizations and can interpret the constitution as it
see fit. Also amending the constitution by those who are elected is almost
impossible, stringent prerequisite and prohibitions is laid out for politicians
etc. All this makes Mr. Meechai call his draft charter “anti-graft”. This
does not include other surreptitious ploys to destroy the power of the people
that would be written in the organic laws. All this makes it not difficult to
understand the intent. Forget reconciliation and harmony as they are just empty
words used to paint a pretty picture. Reforms were done just for show to accuse
the politicians of mismanagement which made it necessary to have such reforms.
This draft charter by Meechai is
setting the criteria to build another 4 steps that support and extend the
former 4 steps plan that is 1. Pheu Thai Party must not
gain majority vote in the upcoming election 2. Should Pheu Thai Party gain
majority vote or win a landslide then it must become a weakest government that
is unable to resolve any problems or
it must be willing to support an outsider to become Prime Minister 3. Overthrowing
Pheu Thai Party in the future will no longer require a coup d’état but will
be done by the Constitutional Court 4. In every scenario the nation will be
ruled at the core by agencies and mechanisms run by few people who did not come
from the people.
The effort to cite virtue of various invented
principles and articles is only empty words by servant lawmakers that has no
sincerity for anyone and does not understand democracy and the power of the
people as they have been in positions in almost every government for the past
40 years no matter what kind.
Pheu Thai Party thus see that the
society must grasp and understand the thinking and the self-seeking benefits of
these servant lawmakers and must help to prevent the charter from being drafted
in such a way that continue to harm the nation and the people.
4.
How
does Meechai’s draft charter harm the nation and the people?
Pheu
Thai Party sees this time people will lose more than the previous 80 years because:
1. The sovereign power of the people since 1932 will have no
meaning
since the people has no liberty to choose their own representative for the
House and cannot choose the senate. The rights and liberties of the people such
as participating to exercise sovereign power, receiving health care benefits,
obtaining price guarantee for agricultural produce, rallying to make demands
and demonstrate various opinions have been greatly curtailed. All that is left
is to mark a single ballot even though there are two different kinds of
representatives to be selected.
2. Policies of Political Parties that fight
for democracy and the benefit of people in every part of the society especially
the poor and the disadvantaged will be deemed by the Independent Agencies and
the Constitutional Court as “populist policies”. This is regarded
as contrary to the economic principles in the constitution and may also violate
the national strategy being formulated by this junta which will be enforced for
the next 20 years even though many of these policies help create opportunities,
strengthen livelihood, reduce expenses, distribute income and reduce the
economic gap. However should political parties that have ties with the
autocratic power come up with similar policies these would be deemed as
“pracharat” (people’s state policy)
which can be carried out and it is not against the constitution.
3. Even if
the people overwhelmingly vote for a certain political party to become the
government but should the party refuse to submit to “extraordinary” power such
as be willing to support a person outside the party to become Prime Minister,
the party would be obstructed by the Constitutional Court, the Independent
Agencies and “extraordinary” power that is contrary to the Rule of Law may be
used to make it unable to form the government. Or else the party may also be
dissolved citing various reasons as in the past. And even if it should succeed
forming the government by winning a landslide it must be made as weak as
possible.
4.
Meechai’s
draft charter made amending the constitution most difficult. Even a political
party winning 90% of the votes still cannot amend the charter.
5. Meechai’s
draft charter seek to protect the coup d’état, the junta and those that
collaborate with the junta which include Mr. Meechai and his collegues in an
outright manner that is unashamed of the public and people who is the owner of
sovereign power. There is a conflict of interest and completely disregard the
international community that seek respect for Rule of Law, human rights and
international obligations. This is because Mr. Meechai is a NCPO member and stipulated
in the temporary provision of the draft charter to retain the power of the NCPO
and the Head of the NCPO which is legislative, executive and judicial power until
there is new government which will take more than 15 months from the date the
new constitution is promulgated. It also support self-amnesty for the NCPO in
accordance with the 2014 Constitution which consider any actions by the NCPO
and all subsequent actions by any person thereof constitutional and legal (even
though the misconduct and offense that is the overthrow of the constitution has
already been committed)
Whether Pheu Thai Party will win
many or few votes and will become the government or not is not important. Rather
the people must have the liberty to decide their own future under an atmosphere
that is fair with respect for the mandate of the people. Most importantly the
people should truly have the opportunity to consider and decide the rules which
will steer the direction of the nation. These rules should facilitate the
restoration of the nation and not cause damage to the country in the long term.
Even though the draft charter by
Mr. Meechai seek to specifically curtail and eliminate Pheu Thai Party as
pointed above but Pheu Thai Party is not concerned with this incident but is
more anxious considering the impending damage that may affect the nation and
the people who is the true owner of sovereign power.
Pheu Thai Party
20th February 2016