‘เพื่อไทย’ จี้ ป.ป.ช.เรียกเงินเดือนคืนจาก ‘ภักดี โพธิสิริ’ ชี้ขาดคุณสมบัติของการเป็นกรรมการ ป.ป.ช.

       นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ
และอดีตรมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ
คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย

ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการทวงเงินเดือนและผลตอบแทนของนายภักดี โพธิศิริ
อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) โดยนายสุรพงษ์กล่าวว่า
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส
ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เบิกความที่ป.ป.ช.เป็นโจทก์ฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ
อดีตรมช.คลังและพวก โดยนายพิศิษฐ์ได้นำหนังสือเบิกความลงวันที่ 29 เม.ย. 58
และพบข้อเท็จจริงว่านายภักดีไม่เคยได้รับเลือกให้เป็นกรรมการป.ป.ช.
จากนั้นมีผู้หวังดีนำหนังสือที่ป.ป.ช.ส่งไปสอบถามผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
กรณีนายภักดีเพื่อขอข้อมูลต่าง ๆ มาดำเนินการต่อไป
และตนได้ไปขอหนังสือฉบับนี้จากป.ป.ช.แล้ว และขอทราบว่าหลังผู้ว่าสตง.ส่งเรื่องไปให้ป.ป.ช.แล้วนั้น
ป.ป.ช.ดำเนินการอย่างไรบ้าง

       นายสุรพงษ์
กล่าวอีกว่า ทุกครั้งที่ตนออกมาพูดเรื่องนี้ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช.
จะออกมาชี้แจงว่า ส.ว.มีมติเห็นชอบไม่ถอดถอนนายภักดีและเป็นเรื่องเก่า
แต่ความจริงเป็นเรื่องใหม่ที่เกี่ยวกับเรื่องการลาออกจากองค์กรเภสัชกรรม
เมริเออร์ชีวะวัตถุ ซึ่งตนเคยร้องเรียนไปยังป.ป.ช.และสตง.
โดยนายภักดีไม่ได้ลาออกจากบริษัทดังกล่าวโดยชอบตามกฎหมาย
รวมถึงคำเบิกความของผู้ว่าสตง.ซึ่งเป็นเรื่องใหม่
ขอให้นายสรรเสริญศึกษากฎหมายให้ละเอียดรอบคอบก่อนออกมาตอบโต้ตนและนายเรืองไกร
ทั้งหมดที่กล่าวมาเท่ากับยืนยันว่าสิ่งที่เคยพูดว่าจบแล้ว ไม่มีการถอดถอน ไม่ผิด
คุณสมบัตินั้น ขัดแย้งกับหนังสือของผู้ว่าสตง.
เพราะหากถูกต้องทั้งหมดป.ป.ช.จะทำหนังสือไปสอบถามผู้ว่าสตง.ทำไม

       ด้านนายเรืองไกร
กล่าวว่า ครั้งนี้พยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน
โดยในหนังสือนั้นตนสนใจตรงคำที่ป.ป.ช.เรียนผู้ว่าสตง.ว่า
เพื่อที่ป.ป.ช.จะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
แสดงว่ายอมรับว่าสิ่งที่สตง.ชี้นั้นถูกต้องแล้ว
ย่อมเป็นที่ยุติตามที่ผู้ว่าสตง.ได้แถลง อย่างไรก็ตาม
เมื่อป.ป.ช.ทำหนังสือฉบับนี้ไปถึงสตง. แต่ไม่เคยมีการแถลง
และเราก็ไม่เคยทราบว่าสตง.พูดถึงหนังสือฉบับนี้อย่างไร ดังนั้น
เรื่องนี้ป.ป.ช.ต้องตอบสังคมว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร
และมีผลต่อเงินแผ่นดินอย่างไร อีกทั้งเจ้าหน้าที่สตง.เองก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้
วันนี้ป.ป.ช.ควรจะแถลงเรื่องนี้ให้ชัด

       ผู้สื่อข่าวถามว่า
จำนวนป.ป.ช.ที่จะลดลงนั้นจะมีผลต่อคดีต่าง ๆ
ที่กรรมการป.ป.ช.เคยมีมติในช่วงดำรงตำแหน่งหรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวว่า
หลายครั้งก็ได้รับคำโต้แย้งว่า การนับคะแนนคือเสียไป 1 ซึ่งที่จริงแล้วควรฟังคำของนายวิชัย
วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช. ที่กล่าวเมื่อครั้งถอดถอนส.ว.ไว้ว่า
อำนาจขององค์คณะป.ป.ช.ถือว่าไม่ชอบ นายวิชัยใช้ว่าคนนอก คือใน 9 คน มี 1
คนที่เป็นคนนอก เมื่อมีคนนอกอยู่ด้วยก็จะทำให้มติอีก 8 คนเสียไป
เรามีหลักฐานเรื่องนี้แบบคำต่อคำชัดเจน ดังนั้น
เมื่ออำนาจขององค์คณะที่พิจารณาไม่ชอบจึงทำให้เสียทั้งหมด
แล้วมาใช้กล่าวหาคดีอาญาหรือใช้กล่าวหาถอดถอนผู้อื่นนั้นคงต้องขอถามกลับว่า
มันชอบได้อย่างไร

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/727702

16 พฤศจิกายน 2559