“เพื่อไทย” เรียกร้องปลดล็อคการเมือง เปิดทางสู่การเลือกตั้ง
แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย
เรื่อง เรียกร้องให้ปลดล็อคการเมืองโดยสิ้นเชิง เพื่อเปิดทางสู่การเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
ตามที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้กล่าวหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า การเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี้ถ้าบ้านเมืองสงบ โดยที่รัฐบาล และ คสช. ได้ยืนยันเองหลายครั้งว่าประสบความสำเร็จในการทำให้ประเทศสงบมาตั้งแต่ยึดอำนาจในปี 2557 จึงไม่อาจอ้างความไม่สงบเพื่อเป็นเหตุในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้อีก อีกทั้งในขณะนี้รัฐบาลและคสช. อยู่ในอำนาจจะย่างเข้าปีที่ 5 ซึ่งนานกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทุกรัฐบาล พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการที่ประชาชนยังไม่มีสิทธิเลือกตัวแทนของตนไปบริหารประเทศ ทำให้ประเทศว่างเว้นการมีรัฐบาลที่มาจากประชาชน เป็นเวลานาน ย่อมกระทบต่อหลักพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาคมโลกดังที่เป็นมาตลอดในห้วงเวลาของการยึดอำนาจ
เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียงประมาณ 6 เดือนก็จะถึงการเลือกตั้ง ซึ่งทุกพรรคการเมืองต้องดำเนินการตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ คำสั่งของหัวหน้า คสช. และดำเนินการอื่นๆ รัฐบาลและคสช. มีหน้าที่นำประเทศเดินไปสู่การเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรมและน่าเชื่อถือ พรรคจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและคสช. ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และคำสั่งที่ 57/2557 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง ตลอดจนยกเลิกเงื่อนไขและข้อห้ามอื่นใด ตามคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ทั้งนี้ ควรยกเลิกโดยสิ้นเชิงเบ็ดเสร็จ มิใช่เพียงการ “คลายล็อค” พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยที่รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม แถลงว่าจะมีการปลดล็อคเป็นสองช่วง ช่วงแรก คือ ช่วงเก้าสิบวันหลังกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. มีผลใช้บังคับจะปลดล็อคบางส่วน เช่นให้มีการประชุมพรรค การจัดตั้งสาขาพรรค การทำไพรมารี ฯลฯ ช่วงที่สอง คือ หลังพ้นเก้าสิบวันแล้วจะปลดล็อคทั้งหมดให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้ทุกอย่างตามกฎหมาย
พรรคขอเรียกร้องให้มีการปลดล็อคทั้งหมดโดยทันที ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1) พรรคการเมืองต้องใช้เวลาในการจัดทำนโยบายเพื่อให้ประชาชนพิจารณาในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะพรรคต้องประชุมปรึกษาหารือ ลงพื้นที่พบปะและรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปการเมืองตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดมาตรการให้การจัดทำนโยบาย การส่งผู้สมัคร การจัดทำข้อบังคับพรรค จะต้องให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง ไม่นับรวมที่พรรคจำเป็นต้องศึกษาว่านโยบายที่จะประกาศใช้นั้นเป็นไปตามเงื่อนไขข้อจำกัดที่ คสช. ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างยิบย่อยมากมายหรือไม่ อย่างไร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวล้วนต้องใช้เวลาทั้งสิ้น และเวลาเพียง 6 เดือนนี้ ไม่พอเพียงด้วยซ้ำ ถ้าพิจารณาเปรียบเทียบจากการที่ คสช. และแม่น้ำ 5 สายซึ่งสามารถใช้องคาพยพ ทั้งเงินงบประมาณ และบุคลากรภาครัฐในการดำเนินการ ก็ยังต้องใช้เวลาประมาณ 4 ปี ในการร่างแผน ยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปด้านต่างๆ
2) พรรคการเมืองต้องดำเนินการตามเงื่อนไขของกฎหมายใหม่และคำสั่งของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นการ หาสมาชิกใหม่แทนสมาชิกเก่าที่พ้นสภาพไป และการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองใหม่เนื่องจากสาขาเก่าต้องยุบไปตามคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 การประชุมพรรคการเมือง การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค และการจัดทำ ไพรมารี และยังไม่ชัดเจนว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวล้วนต้องใช้เวลาพอสมควร
3) การเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรมและน่าเชื่อถือ ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพ และต้องมาจากการแข่งขัน ที่เป็นธรรม การเลือกตั้งจะเป็นไปโดยเสรีและเป็นธรรมนั้น ประชาชนจะต้องสามารถกำหนดอนาคตทาง การเมืองของตนว่าจะเลือกพรรคการเมืองใด การจะกำหนดเจตจำนงของตนได้ ประชาชนย่อมต้องมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญโดยสมบูรณ์เสียก่อน การจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยเฉพาะเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง จึงเป็นประตูปิดกั้นการแสดงเจตจำนงดังกล่าว นอกจากนั้น การจะเป็นเช่นนั้นได้ในช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง การแข่งขันของทุกกลุ่ม ทุกพรรคที่จะลงเลือกตั้ง ต้องอยู่ภายใต้กติกาเดียวกันไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เปรียบอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นจึงควรให้ทุกพรรคการเมืองได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่เกิดการเลือกปฏิบัติหรือแบ่งแยกเป็นพรรคเก่า พรรคใหม่
4) การปลดล็อคทางการเมือง และความชัดเจนของการเลือกตั้ง จะสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เนื่องจากมีการกำหนดกรอบเวลาว่าจะมีการเลือกตั้งหลายครั้ง แต่ก็มีการเลื่อนมาโดยตลอด จนท้ายที่สุดก็ได้ระบุว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 รัฐบาลจึงควร ใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นให้กับการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากความชัดเจนแน่นอนของ วันเลือกตั้งจะทำให้ภาคเอกชน นักลงทุน ประชาชนสามารถวางแผนการลงทุนและอนาคตได้ เป็นผลดี และก่อประโยชน์ให้ประเทศและคนไทยส่วนใหญ่อย่างแน่นอน สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ที่สะท้อนผ่านผลสำรวจความคิดเห็นหรือโพลล์สำนักต่างๆ ที่ต้องการเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศเดินหน้า และมีทางออก
พรรคเพื่อไทยยึดถือประโยชน์ของชาติมาก่อนประโยชน์ของพรรค การปลดล็อคทางการเมือง โดยเบ็ดเสร็จสิ้นเชิง ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ได้เรียกร้องเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง แต่เป็น ความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประเทศและให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น มีความ เป็นเสรี เป็นธรรมและน่าเชื่อถือ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า สร้างความผาสุกแก่พี่น้องประชาชนพาประเทศก้าวหน้าและประชาชนจะได้ประโยชน์
พรรคเพื่อไทย
23 สิงหาคม 2561