“เพื่อไทย” ชี้ ช่วยคนจนต้องจริงจัง-ยั่งยืน ไม่หวังผลทางการเมือง
แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย
เรื่อง การช่วยคนจนต้องช่วยอย่างจริงจัง ยั่งยืน และไม่หวังผลทางการเมือง
ตามที่รัฐบาล คสช.ได้เห็นชอบงบประมาณเกือบแสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือคนยากจนผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ ฯลฯ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนจำนวน 14.5 ล้านใบ ในช่วงเวลาที่ประเทศจะมีการเลือกตั้งในอีก 3 เดือนเศษ และรัฐมนตรีที่ร่วมอยู่ในรัฐบาลอย่างน้อย 4 คน เป็นผู้บริหารพรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยนั้น พรรคเพื่อไทยขอแถลงดังต่อไปนี้
1. รัฐบาลนี้บริหารประเทศย่างเข้าปีที่ 5 แล้ว โดยจัดงบประมาณขาดดุลต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อกัน รวมตัวเลขขาดดุลเกือบ 2 ล้านๆบาท แต่เศรษฐกิจไทยยังเติบโตต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน ประเทศมีคนยากจนเกือบ 15 ล้านคน และจากการสำรวจความเห็นของโพลสำนักต่างๆพบว่า ประชาชนกำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจอย่างรุนแรง กำลังซื้อในประเทศหดตัว ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ เช่นปาล์มน้ำมัน ยางพารา และที่น่ากังวลคืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 (เดือน ก.ค.-ก.ย. 2561) ลดลงเหลือเพียง 3.3% (ไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 4.6%) เนื่องจากภาคการส่งออก ภาคการเกษตรและ ภาคท่องเที่ยวชะลอตัวลง เศรษฐกิจไทยจึงอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงที่สุด และในปีหน้ายังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าและการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนอย่างต่อเนื่อง
2. พรรคเพื่อไทยเห็นว่าคนยากจนผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุควรได้รับการช่วยเหลือ เพราะรายได้จาก GDP ของประเทศตกอยู่กับคนจำนวนน้อยที่ร่ำรวย จึงเป็นหน้าที่รัฐจะต้องดูแลคนรากหญ้าอย่างจริงจัง และช่วยให้พวกเขาพ้นจากความยากจน เศรษฐกิจฐานรากจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะขับเคลื่อนระบบใหญ่ทั้งระบบ แต่รู้สึกประหลาดใจที่ทำไมรัฐบาลเพิ่งมาออกมาตรการดังกล่าวหลังจากบริหารประเทศมา 4 ปี เศษแล้ว และมาตรการให้ความช่วยเหลือก็จะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งเพียง 3 เดือน จึงมีคำถามว่ามาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝงหรือไม่ เป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนเพื่อหาเสียงล่วงหน้าและเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นอกจากนั้น รัฐมนตรี 4 คนที่เป็นผู้บริหารพรรคการเมืองหนึ่งได้ร่วมอนุมัติงบประมาณดังกล่าวหรือไม่ ถ้าใช่ ถือว่ามีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
3. รัฐบาลที่มีความสามารถย่อมรู้วิธีการที่จะช่วยเหลือคนยากจนและผู้มีรายได้น้อยอย่างชาญฉลาด ไม่หวังผลทางการเมืองระยะสั้น แต่รู้วิธีใช้งบประมาณช่วยให้คนยากจนและผู้มีรายได้น้อยสามารถยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตน สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่การแจกเงิน นอกจากนั้น พรรคเพื่อไทยได้เคยคัดค้านการจำกัดการใช้เงินตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อสินค้าจากร้านในโครงการเท่านั้นเนื่องจากไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่เสมือนเป็นการส่งเงินผ่านมือคนจนต่อไปให้บริษัทขนาดใหญ่หรือไม่ การใช้จ่ายดังกล่าวจึงไม่ได้ช่วยสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจและกระจายรายได้ที่ถูกต้องและยั่งยืน
4. พรรคเพื่อไทยเห็นว่าคนยากจน คนมีรายได้น้อย และผู้สูงอายุ ควรได้รับการเอาใจใส่และช่วยเหลือ เราต้องขจัดความยากจนให้สิ้นไปจากประเทศไทย เพราะมิเช่นนั้นจะไม่พ้นจากกับดักรายได้ปานกลางและเป็นประเทศที่ประชาชนมีอันจะกินได้อย่างไร แต่การช่วยเหลือต้องกระทำด้วยยุทธศาสตร์ งบประมาณต้องถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งต้องไม่ใช่การกู้มาแจกและสร้างหนี้ให้ลูกหลาน พรรคจึงเรียกร้องให้ คสช.ปลดล็อกทางการเมือง เปิดให้พรรคการเมืองต่างๆนำเสนอนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสำคัญอื่นๆของชาติได้ เพื่อให้ประชาชนเจ้าของประเทศมีโอกาสได้พิจารณานโยบายของแต่ละพรรคและใช้สิทธิเลือกตั้งได้อย่างรอบคอบ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย
พรรคเพื่อไทย ขอย้ำว่าประชาชนตั้งตาคอยที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองที่ตนชื่นชอบ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ คสช. และรัฐบาลที่ต้องคืนความเป็นปกติให้บ้านเมือง ต้องสร้างบรรยากาศของประเทศให้พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง และต้องงดเว้นการออกคำสั่งหรือมาตรการใดๆที่มีคนเชื่อว่าจะกระทบการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรมและน่าเชื่อถือ เนื่องจาก การเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรมและน่าเชื่อถือคือทางออกของประเทศและคนไทยทุกคน
พรรคเพื่อไทย
22 พ.ย. 61