“ชลน่าน” ชี้ องค์กรอิสระเลือกข้าง ขัดหลักประชาธิปไตย เป็นภัยต่อการพัฒนาประเทศ

(13 ก.ย. 62) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ร่างขึ้นมาเพื่อให้การถ่วงดุลอำนาจระหว่าง บริหาร นิติบัญญัติ และ ตุลาการ มีปัญหาในการถ่วงดุลอำนาจกัน องค์กรอิสระต่างๆไม่ทำหน้าที่ของตนเอง ส่งผลให้การตรวจสอบรัฐบาลทำได้ยากมาก

ฝ่ายบริหารใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อเอาตัวรอด ประกอบกับองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ด้านการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจไม่ทำตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มีการตัดสินออกมาที่ค้านความรู้สึกประชาชน

นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังเขียนให้ฝ่ายตุลาการยังมีอำนาจสามารถก้าวก่ายการทำงานของฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติได้ ดังนั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้สร้างให้ฝ่ายตุลาการที่อำนาจเหนือทุกฝ่าย สามารถยับยั้งการทำงานของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติได้
   
ในขณะเดียวกันการทำงานขององค์กรอิสระมีคำถามในสังคมเกิดขึ้นมากมาย ดังเช่นการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ที่ทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมามีการบิดเบือนมากมาย การได้มาซึ่ง ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อที่หลายกรณีมีปัญหาในการตีความกฎหมาย
 
แม้มีการทักท้วงจากประชาชน ด้วยระบบการตรวจสอบการทำงานขององค์กรอิสระทำได้ยากจึงส่งผลให้การทำงานขององค์กรอิสระหลายองค์กรบิดเบี้ยวมากและเลือกข้าง ไม่เป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญปราบโกงไม่มีจริง แต่ในความเป็นจริงรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีช่องโหว่มากมายที่ให้ทางฝ่ายบริหารและองค์กรอิสระอาศัยช่องโหว่มาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองและเป็นอันตรายกับการพัฒนาประเทศ เป็นรัฐธรรมนูญที่ขัดกับหลักสากลและไม่เป็นที่ยอมรับจากสากลโลก เพราะกลไกและการร่างที่ทำให้ประเทศถดถอยมากกว่าที่จะก้าวไปข้างหน้า  

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า การทำงานในสภาของฝ่ายค้านยังคงเดินหน้าในการตรวจสอบรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างเข้มข้น กรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยตนเองทั้งๆที่ไม่มีอำนาจ การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงกระทำการผิดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน แต่องค์กรตรวจสอบทั้งหลายกลับนิ่งเฉยและไม่ทำการตรวจสอบ ดังนั้น การทำงานขององค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกล่าวอ้างเท่านั้นขัดกับหลักความเป็นจริงที่เกิดขึ้น