“อนุดิษฐ์” ดักคอ “ประยุทธ์” อย่าลับลวงพลาง อ้างติดภารกิจ แล้วหนีสภาไม่มาตอบปมถวายสัตย์ฯ
(17 กันยายน 62) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการประชุมตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรคในวันนี้ ว่า ไม่ได้เป็นการประชุมผู้ประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ “วิปฝ่ายค้าน” แต่เป็นการประชุมเตรียมการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ได้รับมอบหมายจากแต่ละพรรคให้เป็นผู้อภิปรายปมถวายสัตย์ฯในวันพรุ่งนี้ เพื่อตรวจทานประเด็น ไม่ให้ซ้ำซ้อน วกวน การอภิปรายจะได้เกิดความราบรื่นและเป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
โดยหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะมาชี้แจงด้วยตนเอง ในฐานะผู้ถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ จะได้สร้างความกระจ่างให้สังคมว่า ข้อความที่หายไป มีนัยยะอะไรหรือไม่ หากไม่มีนัยยะอะไรเป็นพิเศษ ก็ควรมาตอบญัตติฝ่ายค้านด้วยตัวเอง เพราะสังคมต้องการอยากรู้ความจริง
“แค่นายกรัฐมนตรีกล้าพูดความจริง ทุกอย่างก็จะมีทางออกด้วยตัวของมันเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อยในการปรับฮวงจุ้ยทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้แคล้วคลาดจากการอภิปรายในครั้งนี้ แต่ควรใช้งบประมาณส่วนนี้ไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมจะดีกว่า” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า หวังว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่ทำเป็น “ลับ ลวง พราง” ด้วยการอ้างภารกิจเร่งด่วนบังหน้า แล้วมอบหมายให้คนอื่นชี้แจงแทน เพราะกำหนดการอันนี้ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าไปนานแล้ว และรัฐบาลก็เป็นผู้กำหนดวันด้วยตัวเอง
โดยชาวบ้านได้ฝากบอกมาว่า “นายกฯอย่าหนีสภา เหมือนไม่มาน้ำท่วม” เพราะทุกคนก็อยากรู้เหมือนกันว่า เพราะเหตุใด ท่านจึงถวายสัตย์ฯไม่ครบ ทั้งๆที่มีข้อความระบุไว้อย่างชัดเจน หากท่านนายกฯไม่มีเจตนาพิเศษหรือซ่อนเร้นความหมายอะไรไว้ ก็ควรใช้เวทีสภาในการหาข้อยุติและหาทางออกร่วมกัน จะได้มีบรรทัดฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีด้วยว่า ไม่ควรใช้เวทีเปิดการสัมมนาบุคลากรภาครัฐหรือเวทีแสดงวิสัยทัศน์การทำงาน เป็นเวทีระบายความคับข้องหมองใจจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เพราะการเตรียมงานแต่ละเวทีจะต้องใช้งบประมาณจำนวนหลายล้านบาท แต่แทนที่ข้าราชการจะได้ฟังนโยบายหรือแนวทางการทำงานเพื่อเอาไปปรับใช้ในการทำหน้าที่ กลับต้องมาทนนั่งฟังผู้นำระบายความในใจหรือพร่ำบ่น แก้ต่างในความผิดพลาดของตัวเอง ซึ่งไม่มีผู้นำที่ไหนในโลกเขาทำกัน