(24 ก.ย. 62) ที่พรรคเพื่อไทย คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และนายชัยธวัช ตุลาธน รองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่

รศ.ชูศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุม 7 พรรคได้หารือกันถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านจะดำเนินการต่อเนื่องจากการอภิปรายตามมาตรา 152 ใน 2 กรณี คือ 1. กรณีนายกฯ และ ครม. ถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน และ 2. กรณี ครม. แถลงนโยบายโดยไม่บอกที่มาของรายได้ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ทั้ง 2 เรื่องนี้สมควรที่พรรคฝ่ายค้านจะได้ดำเนินการต่อไป โดยการ 1. ร้องไปยัง ป.ป.ช. ทั้ง 2 เรื่อง เนื่องจากเป็นการกระทำที่เข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม โดยกรณีไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญจะต้องร้องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช. ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อร้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนกรณีไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมนั้น จะต้องร้อง ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช. ร้องไปยังศาลฎีกาฯต่อไป ทั้งนี้ 7 พรรคฝ่ายค้านได้ตั้งตนเป็นประธานคณะทำงานยกร่างคำร้อง โดยจะได้ดำเนินการยกร่างคำร้องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

นายสุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เราได้ฟังเสียงสังคมและประชาชนว่าอยากให้เราดำเนินการอย่างไรด้วย ซึ่งหากนายกฯตอบก็จบ แต่เมื่อนายกฯไม่ตอบ ไม่แยแส ไม่สนใจกฎหมาย และอาจจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทำให้เราจำเป็นต้องเดินหน้าต่อ ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องการเล่นการเมือง แต่เป็นเรื่องที่เราฟังเสียงสังคม นอกจากนี้งบประมาณต้องเข้าทุกปี หากปล่อยไว้อย่างนี้แนวปฏิบัติของ ครม. จะผิดเพี้ยนไป

เมื่อถามว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณาเรื่องดังกล่าว จะทำให้ ป.ป.ช. รับเรื่องนี้หรือไม่ รศ.ชูศักดิ์ กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับไม่ใช่การวินิจฉัยในคดี และในทางวิชาการเรามีเหตุผลหลายข้อที่จะสามารถโต้แย้งให้ ป.ป.ช. ต้องรับคำวินิจฉัยได้

“ทั้งนี้ ป.ป.ช. เป็นองค์กรอิสระ มีหน้าที่ตามกรอบรัฐธรรมนูญ เมื่อมีเหตุที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน ป.ป.ช. จึงต้องรับไว้วินิจฉัย”​ รศ.ชูศักดิ์ กล่าว