(27 ก.ย. 62) ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การซื้ออาวุธเพิ่มในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังอ่อนแอ สะท้อนว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำงานเหมือนเด็กอมมือที่ไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญของปัญหา จึงไม่รู้ว่าควรต้องทำอะไรก่อนหลัง จึงใช้เงินหลายพันล้านติดอาวุธให้กองทัพในขณะที่ประชาชนครึ่งค่อนประเทศกำลังอดอยาก ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด

นอกจากนี้ การที่กองทัพออกมาอ้างว่างบประมาณที่จะใช้ซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-6I มีจำนวนแค่ 4,000 พัน กว่าล้านบาทเท่านั้น ไม่ถึง 12,000 กว่าล้านบาท อย่างที่เป็นข่าว ยิ่งสะท้อนว่ารัฐบาลหลงประเด็น และไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเสียงเรียกร้องของประชาชนที่เตือนให้เลิกซื้ออาวุธที่ไม่จำเป็นแล้วนำเงินมาใช้พัฒนาประเทศก่อน ซึ่งถ้าหากทางฝ่ายสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวเรื่องการขายอาวุธให้ไทย ในกรอบวงเงิน 12,000 ล้านบาท ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลประยุทธ์ จะบอกให้คนไทยทราบเรื่องซื้อ ฮ. โจมตี 8 ลำ เหล่านี้ เมื่อไหร่

แต่การซื้ออาวุธในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจของประเทศกำลังฝืดเคือง ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน เพราะล่าสุด การขยายตัวของ GDP ของไทยในปีนี้ จะหดตัวเหลือแค่ 2.8% และมูลค่าการส่งออกในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ก็ติดลบถึง 4% ซึ่งการหดตัวของการส่งออก ย่อมส่งผลต่อการจ้างงาน ซึ่งไม่รู้จะทำให้คนไทยตกงานมากมายเท่าไหร่ แต่จะทำให้การบริโภคของประชาชนลดลงแน่นอน และจะทำให้การลงทุนในประเทศหดตัวตามไปด้วย ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทั้งจากผลกระทบของ Brexit หรือการถอนตัวของอังกฤษจากการเป็นสมาชิก EU รวมทั้ง สงครามการค้า จีน-สหรัฐฯ ตลอดจน การถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่ว่าจะถอดถอนสำเร็จหรือไม่ ย่อมส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในการกำหนดนโยบายของสหรัฐฯ และจะทำให้กำลังซื้อทั่วโลกลดลง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการของไทยอย่างไร แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะรับมือไหวหรือเปล่า เพราะรัฐบาลประยุทธ์ก็ขาดเสถียรภาพเช่นกัน เนื่องจากเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ และบริหารเศรษฐกิจล้มเหลวมาตลอด 5 ปี ทำเป็นแต่โครงการประชานิยมแจกเงินชาวบ้านไปวันๆ แต่ไม่ได้สร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างยั่งยืน

“ขอถามรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ ท่านยังกล้าเอาเงินภาษีชาวบ้านไปซื้ออาวุธกันลงคออีกหรือ การบอกให้คนไทยอดทน ในขณะที่รัฐบาลทุ่มซื้ออาวุธปรนเปรอกองทัพเพื่อหวังใช้เป็นฐานอำนาจทางการเมืองถือเป็นความเห็นแก่ตัวและเป็นการทำลายบ่อนทำลายชาติอย่างเลวร้ายที่สุด” ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว