“ชวลิต” ผิดหวัง “ประยุทธ์” ตอบสังคม ประเด็นแบน 3 สารพิษร้ายแรง

 
(11 ต.ค. 62) นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นประเด็นผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงประเด็นที่สังคมกำลังสนใจติดตามอย่างยิ่ง คือ รัฐบาลมีนโยบาย แบน 3 สารเคมีร้ายแรงในภาคเกษตรกรรม (พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต) หรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบคำถามนี้อย่างน่าผิดหวัง และน่าเสียใจอย่างยิ่ง ด้วยถ้อยคำเพียงว่า “ให้เป็นไปตามขั้นตอน”
   
เรื่องนี้คาราคาซังมาช้านาน ถ้าเอาประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง หัวหน้ารัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้กำกับนโยบายสูงสุด ต้องกล้าตัดสินใจในระดับนโยบายที่จะรักษาชีวิตประชาชนคนไทยไม่ให้ตายผ่อนส่ง และต้องตั้งปณิธานในระดับนโยบายว่า เด็กที่เกิดใหม่ที่เพิ่งคลอดจากครรภ์มารดาจะต้องมีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง มีสติปัญญาดี มีไอคิวสูง ไม่เป็นออทิสติก ฯลฯ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้คนไทยต้องได้บริโภคผัก ผลไม้ ที่ไม่มีสารเคมีร้ายแรงปนเปื้อน
   
แค่งานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย ที่ตรวจพบพาราควอตในขี้เทาของเด็ก แสดงว่าพาราควอตผ่านจากมารดาไปสู่เด็กในครรภ์ผ่านทางสายรก โดยตรวจพบพาราควอตในขี้เทาเด็กดังกล่าว ก็เพียงพอที่จะนำมาตัดสินใจในระดับนโยบาย ไม่นับงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกจำนวนมากที่ออกมายืนยันพิษภัยร้ายแรงของสารพิษอันตรายทั้ง 3 ตัว จนปัจจุบันมีประเทศต่างๆทั่วโลกถึง 53 ประเทศ รวมทั้งลาว กัมพูชา และเวียดนาม ได้ประกาศแบนสารพิษร้ายแรง 3 ตัวดังกล่าวไปแล้ว
   
เรื่องนี้ต้องตัดสินใจในระดับนโยบายครั้งสำคัญเมื่อมีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทยมากว่า 10 ปีติดต่อกัน โดยมีสถิติการตายด้วยโรคมะเร็ง ปีละกว่า 80,000 คน เฉลี่ยวันละ 190 คน ชั่วโมงละ 8 คน ทั้งมีแนวโน้มว่าสถิติการตายด้วยโรคมะเร็งจะสูงขึ้นๆ ทั้งนี้ ไม่รู้ว่าโรคมะเร็งจะแจ็คพอตเกิดขึ้นกับคนไหน ครอบครัวไหน และเมื่อใด นับว่าเป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างยิ่ง นอกจากนั้น ยังพบการเจ็บป่วย การตาย ด้วยพิษภัยยาปราบวัชพืช ยาปราบศัตรูพืช ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศต่อสาธารณะเป็นระยะๆ
   
ดังนั้น จึงน่าผิดหวังและน่าเสียใจอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้กำกับนโยบายสูงสุดไม่กล้าตัดสินใจที่จะรักษาชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ไว้ ผมไม่แปลกใจที่รัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งก็ คือ รัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกันถึงทำนโยบายสำคัญนี้ไม่สำเร็จ ทราบว่า ท่านมอบหมายให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นมือทำงานของนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ ผมคิดว่า นายกรัฐมนตรีทราบข้อมูลทั้งหมดจาก พล.อ.ฉัตรชัย ทราบทุกแง่ทุกมุมดีกว่า กมธ. เสียอีก เพียงแต่ว่าถึงเวลาที่ท่านจะกล้าตัดสินใจในระดับนโยบายหรือยัง ที่จะแบน 3 สารพิษอันตรายในภาคเกษตรกรรม เสียที
   
“ถ้ารอหรือซื้อเวลาไปเรื่อยๆ รัฐมนตรีที่ท่านมอบหมายอยู่ในขณะนี้ก็คงจะเจ็บป่วยไปทีละคนสองคนอย่างที่เป็นอยู่ ดังนั้น คนที่รู้ปัญหาดีที่สุด คือ นายกรัฐมนตรี ต้องกล้าตัดสินใจในระดับนโยบาย ท่านปล่อยเวลาในการแก้ไขปัญหานี้มาเนิ่นนานเกินควรแล้ว”