“เพื่อไทย” แนะรัฐบาลใช้เงินภาษีให้เกิดประโยชน์ อย่าเห็นการซื้ออาวุธสำคัญกว่าการช่วยเหลือเกษตรกร
(16 ต.ค. 62) นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส. พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการดูภาพรวมการจัดสรรงบประมาณปี 2563 วงเงินกว่า 3.2 ล้านล้านบาท พบว่ารัฐบาลจัดสรรงบไม่มีธรรมมาภิบาล เพราะไปให้ความสำคัญกับงบประมาณด้านความมั่นคงมากกว่าการพัฒนาด้านการเกษตร ถือว่าผิดหลักการจัดสรรงบประมาณมาก และไม่เป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมไม่ใช่ด้านการทหาร การจัดสรรงบประมาณควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาต่อยอด และการปรับปรุงคุณภาพสินค้าการเกษตรเพื่อการส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก สร้างรายได้กลับมาในประเทศ มากกว่าเอาเงินงบประมาณของประเทศไทยไปให้กับพ่อค้าอาวุธซื้ออาวุธเพื่อความมั่นคงเพียงอย่างเดียว
“นอกจากนี้ในงบประมาณปี 2563 รัฐจัดสรรงบประมาณผูกพันระยะยาวสำหรับการซื้ออาวุธให้กองทัพปีละหลายหมื่นล้านบาท ถือว่าไม่ถูกต้อง อยากเตือนว่ารัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญการใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่เป็นรัฐบาลที่ไม่เห็นหัวประชาชน”
นายนิยม กล่าวด้วยว่า การบริหารงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนผิดพลาดมาโดยตลอด รัฐบาลเลือกเอาใจนายทุนมากกว่าจะมองประโยชน์ที่ประชาชน นโยบาย “ชิมช้อปใช้” ช่วยประชาชนก็จริง แต่เงินของประชาชนไหลไปอยู่ในกระเป๋านายทุน หากเปลี่ยนจากการซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้าของนายทุนเป็นซื้อสินค้าจากร้านรัฐวิสาหกิจชุมชน อันไหนช่วยเหลือประชาชนมากกว่ากัน และที่สำคัญรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลควรทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หลายกระทรวงทำงานไปคนละทิศละทางประชาชนสับสนกับนโยบายรัฐบาล
“อยากฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรบูรณาการการทำงานของรัฐมนตรีทุกกระทรวง ให้บริหารงานไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำอย่างเช่นที่เป็นอยู่”